โดยมีกรณีความผิดกล่าวคือ นายดิสธร ซึ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ อีกหน้าที่หนึ่ง ได้ใช้อำนาจของตน สั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ เป็นจำนวนเงินยี่สิบห้า (25) ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวจริงแต่อย่างใด และนายดิสธร ได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าว เสนอต่อกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์
และนายดิสธร ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ แล้วนำรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด