โดยระบุว่า "เรื่องเล่าจากช่างภาพผู้เกิดในรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 ฉันเป็นช่างภาพ เป็นนักอนุรักษ์ ผู้ไม่งมงายในเรื่องต่างๆที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยกระบวนการหรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ฉันมารับหน้าที่อาสาเก็บภาพงานภาพถ่ายพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ ในขณะที่ฉันกำลังนั่งรอเวลาเพื่อเก็บภาพการถวายพระเพลิงเมื่อคืนวันที่26ตุลาที่ผ่านมา ทั้งคืนก็ได้ยินเสียงนกร้องตลอดคืนเหมือนเสียงกา ก็พยายามมองหาที่มาของเสียงนั้นตลอดหัวค่ำ แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้
ช่างภาพเผยนาทีกดชัตเตอร์ กลุ่มนกบนวินเหนือยอดพระเมรุมาศ
สี่ทุ่มสิบสามนาที ปี่พาทย์จากหุ่นโขนเล็กก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในขณะที่สายตาจดจ่อไปที่พระเมรุมาศ ฉันรู้สึกได้ถึงการมาของบางอย่างจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตก ฉันหันหลังและมองกลับมาก็มองเห็นฝูงนกที่มีขนาดใหญ่ฝูงนึงบินมา ฉันคิดในใจว่านกอะไรจะมาบินตอนนี้ ทั้งที่ทั้งวันที่มณฑลพิธีไม่มีนกใดๆบินเลย ฉันเริ่มกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาติญาณเพื่อบันทึกเหตุการณ์เจ้าฝูงนกที่นับได้ด้วยตาเปล่าประมาณ 9 ตัว บินต่อเนื่องไปยังทิศตะวันออกมุ่งหน้าไปยังพระเมรุมาศ ฉันขนลุกเกรียวทั้งตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับภาวนาในใจว่าไปบินกันที่อื่น อย่าบินรอบพระเมรูมาศนะ อย่านะ อย่าเชียว
พี่มุก หนึ่งในทีมช่างภาพอาสาที่ฉันติดสอยห้อยตามมาถ่ายในบริเวณเวทีการแสดง เห็นโพสต์ออนไลน์ของฉันที่ฉันบันทึกเป็นโน้ตไว้ วิ่งหน้าตาตื่นตรงมาหาฉันแล้วถามว่า ทอม แกเห็นนกอะไร ฉันตอบว่าฉันไม่รู้ นกบินค่อนข้างสูง และไม่สามารถระบุสายพันธุ์จากความรู้ของฉันได้ด้วยตาเปล่า ฉันเปิดหลังกล้องเช็คไฟล์กับพี่มุกและก็ไม่มารถระบุสายพันธู์ได้ แต่สามารถนับจำนวนนกได้ชัดเจนว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 10 ตัว
พี่มุกบอกว่า แก รู้ไหมว่าฤกษ์คือกี่โมง ฉันก็ตอบว่า 4 ทุ่มไม่ใช่เหรอ พี่มุกบอกว่า ฤกษ์จริงคือ สิบสามนาที ฉันขนลุกในโหมดอัตโนมัติ และเช็คเวลารูปนกจากหลังกล้องที่ได้รับคำสั่งให้เซ็ทเวลาให้ตรงกันทั้งหมดจากเวลามาตรฐานจากเวปไซด์ www.dateandtime.com รูปสุดท้ายของนกเหนือพระเมรุมาศคือ 22:14:35 นาฬิกา ฉันบอกพี่มุกว่าเห็นมะ ไม่ตรง พี่มุกบอกว่าแกไปดูเวลารูปนกแกรูปแรกดูสิ
ทายสิเวลารูปนกบนท้องฟ้ารูปแรกจากทางทิศ 5 นาฬิกาคือเวลาอะไร 22:13 นาฬิกา ไม่ได้งมงายแต่เรื่องบางเรื่องมันก็เกิดขึ้นเพื่อให้เราจดจำ
23:07 นาฬิกา นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย........ เพลงชะตาชีวิตดังขึ้น ฉัน .............. จะขอเกิดเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป "