ส่วนกรณี ปัญหาน้ำท่วมขังถนนดินแดงเป็นระยะเวลานาน ที่บริเวณแยกโบสถ์แม่พระฟาติมา โรงเรียนพิบูลย์ประชาสรรค์ ซอยสุทธิพร ถนนดินแดง นั้น มีสาเหตุมาจากสถานีสูบน้ำของอุโมงค์ระบายน้ำบึงมักกะสันที่ตั้งอยู่ที่คลองขุดวัดช่องลมไม่สามารถสูบน้ำได้ตามปกติ เนื่องจากมีงูเขียวเลื้อยพันสายไฟแรงสูงทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรต้องใช้เวลาในการซ่อมระบบในช่วงเวลา 10.00 - 14.00 น. จึงทำให้สามารถลดระดับน้ำในพื้นที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานของอุโมงค์บึงมักกะสันได้ช้าลง แต่เมื่อระบบสามารถใช้งานได้ตามปกติในเวลา 14.00 น. เครื่องสูบน้ำทำงานได้ก็สามารถเร่งดึงน้ำในพื้นที่ท่วมขังให้แห้งได้ภายในเวลา 40 นาที
‘รองผู้ว่าฯกทม.’ เป็นเพราะ งูทำไฟลัดวงจร สูบน้ำไม่ได้ ทำดินแดงท่วม
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้มีการติดตามสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิดและเตรียมการพร่องน้ำในคลองเพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะตกใหม่ ซึ่งในคืนวันที่ 13 ต.ค. 60 กทม.ได้พร่องน้ำในคลองต่างๆ ก่อนเกิดฝนตก เช่น ที่คลองสามเสนลดระดับน้ำในคลองอยู่ที่ ประมาณ -1.80 ม.รทก. ตั้งแต่เวลา 21.00 น.แต่เมื่อเกิดฝนตกที่เวลาประมาณ 0.00 น. ของวันที่ 14 ต.ค. นำปริมาณน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ +0.40 ม.รทก. ในเวลาประมาณ 05.00 น. ซึ่งหมายถึง ระดับน้ำในคลองได้ยกตัวขึ้นมาอีก 2 เมตร ภายในเวลา 5 ชั่วโมง จึงไม่ได้เกิดจากการไม่ได้การพร่องน้ำก่อนฝนตกแต่อย่างใด เช่นเดียวกับที่อาคารรับน้ำบึงมักกะสัน ก่อนฝนตกได้มีการพร่องน้ำอยู่ที่ระดับเฉลี่ย -1.77 ม.รทก. ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2560 แต่ระดับน้ำได้เริ่มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เวลา 0.00 น. ในช่วงเวลาที่เกิดฝนตก และสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีระดับอยู่ที่ +0.51 ม.รทก. ที่เวลาประมาณ 03.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่เขตดินแดง โดยระดับน้ำได้ทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้เป็นเวลานานถึง 09.00 น. จึงเริ่มลดระดับลงอย่างช้าๆ และเริ่มลดระดับลงอย่างรวดเร็วในเวลาประมาณ 14.00 น.เป็นต้นไป โดยระหว่างนั้นมีการเดินเครื่องสูบน้ำอยู่ตลอดเวลา ยกเว้นในช่วงเวลา 10.00 น.-14.00 น. ที่มีปัญหาระบบไฟฟ้าขัดข้อง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า สาเหตุหลักของน้ำท่วมในครั้งนี้เกิดจากปริมาณฝนที่ตกเป็นปริมาณมาก และตกเต็มพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดปริมาณน้ำมหาศาล น้ำในคลองเต็มเกือบทุกสาย จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำ ซึ่งอุโมงค์ระบายน้ำเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้เป็นทางลัดในลำเลียงน้ำออกสู่แม่น้ำ โดยการสูบระบายน้ำของอุโมงค์ระบายน้ำเป็นการระบายน้ำในจุดที่ใกล้กับทางออกก่อน ทำให้น้ำบริเวณที่อยู่ไกลกว่า (บริเวณอาคารรับน้ำบึงมักกะสัน) ต้องรอคิวในการระบาย ระดับน้ำที่อาคารรับน้ำบึงมักกะสัน จึงคงที่อยู่เป็นเวลาหลายชั่วโมง (ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เริ่มมีการท่วมขัง ) ทำให้เกิดน้ำตกค้างอยู่ในคลอง ต่อเนื่องไปจนถึงในท่อ บนถนน จนถึงอุโมงค์ระบายน้ำ จากนั้นเมื่อระบบสูบน้ำได้แก้ปัญหาในพื้นที่อื่นให้คลี่คลายลง จึงถึงคิวของน้ำในบริเวณอาคารรับน้ำบึงมักกะสันที่เริ่มลดลงและทำให้น้ำในคลอง ในท่อ และบนถนนลดลงได้ตามลำดับ