ระหว่างทางช่วงเลยทางเข้าเขตอุตสาหกรรมสุรนารีไปประมาณ 500 เมตร บนถนนนครราชสีมา-โชคชัย พบร้านขายรูปปั้นจึงพากันลงไปเพื่อซื้อหาซื้อรูปปั้นช้าง ซึ่งขณะนั้นนายทองสุข ได้พบกับรูปปั้นพระพิฆเณศที่ถูกตากแดดไว้บริเวณหน้าร้านดังกล่าว และพูดขึ้นกับตนว่า ถ้าหากถูกรางวัลที่ 1 ทั้ง 2 ใบ จะมาบูชารูปปั้นพระพิฆเณศองค์นี้กลับไปไว้บูชาที่บ้าน
นายสุวิชาญ เปิดเผยว่า ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย.ระหว่างที่มีประกาศผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล
ตนกับนายทองสุข กำลังก่อสร้างสระเลี้ยงปลาอยู่หน้าโรงแรม และทราบจากแม่บ้านของโรงแรมว่าเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 คือ 810 ซึ่งเป็นเลขเดียวกันที่นายทองสุข มีอยู่ ในขณะนั้นนายทองสุข ยังไม่ทราบเลยว่าตนเองถูกรางวัล ตนจึงบอกให้นำลอตเตอรี่ออกมาดูพบว่าเลขที่ออกตรงกับเลขท้าย 3 ตัวจริง "เมื่อพบว่าเลขท้าย 3 ตัวบนตรงกับรางวัลที่ 1 ผมจึงบอกกับพี่ทองว่าเหลืออีก 3 ตัวหน้าพี่ทองก็จะถูกรางวัลที่ 1 จึงพากันรอลุ้นเพราะจำเลขรางวัลที่ 1 ทั้ง 6 หลักไม่ได้ จากนั้นจึงตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าอีก 3 ตัวที่แหลือคือเลขอะไร ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบแล้วพบว่าพี่ทองถูกรางวัลที่ 1 ทั้ง 2 ใบ แถมยังเป็นรางวัลแจ็คพอตอีกด้วย" นายสุวิชาญ กล่าวและว่า
หลังทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอต นายทองสุข ถึงกับกระโดดกอดกับเพื่อนร่วมงานในสภาพเนื้อตัวสั่นด้วยความดีใจ
หลังจากนั้นในช่วงเย็น นายทองสุขได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า วันจันทร์จะไม่อยู่ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเดินทางเข้าไปรับเงินรางวัลที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน และสำหรับอุปนิสัยส่วนตัวของ นายทองสุข เป็นคนดี เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน และยังเป็นพนักงานดีเด่นทุกปีตลอดระยะเวลาที่ทำงานในโรงแรม 7 ปี
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 397 ซ.มิตรภาพ 8/9 ข้างวัดเลียบ ชุมชนวัดเลียบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
โดยได้พบกับ นางผ่องศรี วิสันเทียะ อายุ 50 ปี มีอาชีพขายผลไม้และขนม อยู่ข้างทางบริเวณตลาดสดแม่กิมเฮงตรงข้ามวัดสะแก เขตเทศบาลนครนครราชสีมา และนายสุชน วิสันเทียะ อายุ 54 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งเป็นแม่และพ่อของนายทองสุข หนุ่มดวงเฮงที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอต โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น โดยชั้น 2 เป็นไม้สภาพทรุดโทรม
นางผ่องศรี วิสันเทียะ เปิดเผยว่า ตนมีลูกชายทั้งหมด 3 คน
มีนายทองสุข เป็นลูกชายคนโต โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.ของวันที่ 1 ก.ย.นายทองสุข ลูกชายได้กลับมาบอกกับตนว่าถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอต รวมเป็นเงินจำนวน 38 ล้าน พร้อมกับกราบเท้าตนแล้วเอาเท้าของตนลูบหน้าและเหยียบหัวตัวเอง และบอกกับตนว่า ต่อไปนี้พ่อกับแม่ไม่ต้องลำบากอีกแล้ว เพราะพ่อและแม่ทำงานลำบากเลี้ยงลูกมานาน ขอให้พ่อกับแม่เลิกทำงาน มาอยู่บ้านเลี้ยงหลาน เมื่อพูดจบลูกชายก็ได้โอบกอดตนและผู้เป็นพ่อ รวมทั้ง นางอุดมศิลป์ วิสันเทียะ อายุ 30 ผู้เป็นภรรยา และพากันร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้ม ซึ่งตนรู้สึกมีความสุขมากที่สุดในชีวิตที่ได้เห็นลูกชายแสดงความรัก ความกตัญญูออกมาในลักษณะดังกล่าว
นางผ่องศรี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ลูกชายยังบอกอีกว่าจะแบ่งเงินส่วนนี้ให้แม่เก็บไว้ใช้และทำบุญเป็นจำนวนเงิน 4 ล้านบาท
ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้ใช้และเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูกได้เรียนหนังสือในอนาคต ซึ่งปัจจุบันลูกสาวมีอายุได้เพียง 7 เดือน รวมทั้งจะสร้างบ้านใหม่อยู่ ตนจึงได้บอกกับลูกชายไปว่า ให้ลูกชายตั้งสติดีๆ เพราะกลัวลูกจะช็อค และให้วางแผนการใช้เงิน อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเพราะอนาคตลูกยังอีกไกล พร้อมกับย้ำบอกลูกชายอีกว่า ขอให้ลูกอย่าลืมตัว เมื่อลูกเป็นคนอย่างไรก็เป็นคนอย่างนั้น อย่าลืมบุญคุณคน ให้เป็นคนดีอย่างนี้ตลอดไป ซึ่งนายทองสุข ก็ได้บอกกับตนว่า จะยังคงทำงานอยู่ที่โรงแรมดิแอร์พอร์ตต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศของเพื่อนร่วมงานในโรงแรมดิแอร์พอร์ต
พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่นและต่างแสดงความยินดีกับ นายทองสุข ที่ถูกรางวัล ส่วนตัวนายทองสุขได้หายไปตั้งแต่เย็นวันที่ 1 ก.ย.50 หลังทราบว่าตนเองถูกรางวัล และปิดโทรศัพท์มือถือไม่สามารถติดต่อได้ ทราบจากญาติว่าได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขอรับเงินรางวัลที่กองสลากในเช้าวันนี้ (3 ก.ย.) ทั้งนี้เมื่องวดประจำวันที่ 16 ส.ค.50 ที่ผ่านมา ก็พบว่ามีชาวโคราชทราบชื่อคือ นายยุทธนา ปราณีตพลกรัง อายุ 39 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นลูกจ้างกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ที่กรุงเทพฯ ถูกสลากกินแบ่งรางวัลรางวัลที่ 1 หมายเลข 476207 รับเงินรางวัลจำนวน 29 ล้านบาท กระทั่งงวดประจำวันที่ 1 ก.ย.50 ชาวโคราชก็มาถึงรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอตอีกเช่นกัน