20 เม.ย. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) และโฆษก ยธ. กล่าวถึง การปกป้องหรือคุ้มครองเด็กหรือเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อ หรือตกเป็นผู้กระทำความผิด ซึ่งระบุว่า หากมิให้ความระมัดระวังหรือเกิดการล้ำเส้น มีโทษ ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 50 วรรคท้าย บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง เช่น การเปิดเผยชื่อตัว ชื่อสกุล ภาพหรือข้อมูลใดๆเกี่ยวกับตัวเด็ก "ผู้ปกครอง" ในลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งของเด็กหรือผู้ปกครอง หรือวรรคสองอันหมายรวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตาม ซึ่งได้ล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยอนุโลมด้วย ผู้ใดฝ่าฝืน หรือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 79
นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า สำหรับเด็กหรือเยาวชนที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยตามพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 84 เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็กหรือเยาวชน ห้ามมิให้เปิดเผยหรือนำประวัติการกระทำความผิดอาญาของเด็กหรือเยาวชนไปพิจารณาให้เป็นผลร้าย หรือเป็นการเลือกปฏิบัติอันไม่เป็นธรรมแก่เด็กหรือเยาวชนนั้น ไม่ว่าในทางใดๆ เว้นแต่เป็นการใช้ประกอบดุลพินิจของศาล เพื่อกำหนดวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน หากมีการฝ่าฝืนให้ศาลสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือเพิกถอนการกระทำนั้น และอาจกำหนดค่าเสียหายหรือบรรเทาผลร้ายหรือมีคำสั่งให้จัดการแก้ไขเพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่เห็นสมควร ประกอบมาตรา 130 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดบันทึกภาพ แพร่ภาพ พิมพ์รูป หรือบันทึกเสียง แพร่เสียงของเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือโฆษณาข้อความซึ่งปรากฏในทางสอบสวนของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ
รองปลัด ยธ. กล่าวอีกว่า หรือในทางพิจารณาคดีของศาลที่อาจทำให้บุคคลอื่นรู้จักตัว ชื่อตัว หรือชื่อสกุล ของเด็กหรือเยาวชนนั้น หรือโฆษณาข้อความเปิดเผยประวัติการกระทำความผิด หรือสถานที่อยู่ สถานที่ทำงาน หรือสถานศึกษาของเด็กหรือเยาวชนนั้น แต่มิให้ใช้บังคับแก่การกระทำเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาโดยได้รับอนุญาตจากศาลหรือการกระทำที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการเสียก่อน ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 192 ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนเหล่านี้ยังมีช่วงชั้นชีวิตที่เหลืออยู่ หากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมิให้ความระมัดระวังนอกจากไม่เป็นการแก้ปัญหาแล้ว ยังจะเป็นการซ้ำเติมทำให้เขาเหล่านั้นไม่มีพื้นที่ยืนไปชั่วชีวิต
"หากท่านไม่กลัวโทษ ก็คิดเสียว่าเป็นการทำบุญให้เด็กหรือเยาวชนเถิด" นายธวัชชัย กล่าว