ข้อ 4 การใช้เข็มขัดนิรภัยตามข้อ 3 ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและวิธีการ ดังต่อไปนี้
(1) รถตามข้อ 3(1) (ก) (ข) (ค) และ (ง) ที่จดทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2531 เป็นต้นไป รถตามข้อ 3(1) (ช) และรถยนต์ส่วนบุคคลที่เปลี่ยนประเภทมาจากรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้างที่จดทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารที่นั่งตอนหน้าต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
(2) รถตามข้อ3(๑) (ก) (ข) (ค) และ (ง) ที่จดทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารทุกที่นั่ง ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
(3) รถตามข้อ 3(1) (จ) และ (ฉ) ที่จดทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2537 เป็นต้นไป ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารที่นั่งตอนหน้า ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
(4) รถตามข้อ 3 (1) (จ) ที่ผลิตหรือนำเข้าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารทุกที่นั่ง ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย เว้นแต่เป็นรถยนต์ลักษณะนั่งสองแถว ให้ผู้ขับขี่และคนโดยสารที่นั่งตอนหน้า ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
(5) รถตามข้อ 3(2) (ก) และ (ข) ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารทุกที่นั่ง ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
(6) รถตามข้อ 3(2) (ค) ที่ผลิต ประกอบ นำ เข้า หรือจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารทุกที่นั่ง ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
(7) รถตามข้อ 3(2) (ง) ที่จดทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2537 ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารที่นั่งตอนหน้า ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
ความในวรรคหนึ่ง (5) (6) และ (7) ไม่ให้ใช้บังคับกับที่นั่งตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่ที่นั่งผู้ขับรถและที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้าที่มีการจัดวางที่นั่งตามความยาวของรถซึ่งไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัย
เมื่อผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารตามวรรคหนึ่งขึ้นนั่งประจำที่นั่งของตนแล้ว ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย โดยใช้สายรัดร่างกายยึดเข้ากับที่นั่งของตนและต้องไม่ให้สายรัดหลุดออกได้การปลดเข็มขัดนิรภัยต้องกระทำได้โดยง่าย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
Cr::springnews.co.th