พระสนิทวงศ์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอใช้ดุลพินิจปฏิเสธเลื่อนโดยไม่มีที่ตั้งอยู่บนทางความเป็นจริง เพราะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเคยเห็นอาการป่วยของพระธัมมชโยมาแล้ว หากดีเอสไอจะมาดูอาการป่วยของพระธัมมชโย อีกครั้งเหมือนวันที่ 4 มิ.ย. 2558 ก็สามารถนำเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ มาตรวจอาการป่วยได้ที่วัดพระธรรมกาย
ด้าน นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย ได้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อคัดค้านการขอออกหมายจับของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากเห็นว่าคำร้องขอออกหมายจับดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าการขอเลื่อนนัดรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) เป็นไปตามขั้นตอน และมีใบรับรองแพทย์มาแสดงยืนยัน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ใช่การประวิงเวลา และในวันนี้ทีมแพทย์ที่ให้การรักษาได้มาแถลงยืนยันต่อศาลด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับ โดยจะเร่งทำให้เสร็จภายในวันนี้ โดยขั้นตอนหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล แต่หากพิจารณาออกหมายจับ ดีเอสไอก็จะนำประเด็นนี้เข้าหารือกับคณะทำงานอีกครั้ง เพื่อศึกษาข้อกฎหมายสงฆ์ ก่อนนำไปยื่นให้พระธัมมชโย ที่วัดธรรมกายต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกหมายเรียก พระธัมมชโย เป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้มารับทราบขอกล่าวหา แต่เมื่อวานนี้ ทนายความกลับยื่นหนังสือขอเลื่อนการนัดพบพนักงานสอบสวน โดยอ้างเหตุประกอบศาสนกิจ และมีอาการป่วย โดยใช้ใบรับรองแพทย์จากคลินิกเอกชน คณะพนักงานสอวบสวนคดีพิเศษ เห็นว่า พระธัมมชโย มีพฤติการณ์เข้าลักษณะหลีกเลี่ยงที่จะไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี จึงมีเหตุตามกฎหมายที่จะเสนอให้มีการออกหมายจับ