ส่วนกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า นายประเกียรติ นาสิมมา และนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ได้ยุติการทำหน้าที่ทีมทนายความตระกูลชินวัตรไปแล้วนั้น นายประเกียรติได้เปิดแถลงข่าวที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ ว่า ไม่ทราบว่าทำไมนายนพดลถึงออกมาพูดเช่นนั้น เพราะล่าสุดที่ออกมาพูดถึงเรื่องการจัดสัมมนากระบวนการยุติธรรมไทย ก็ไม่ได้บอกว่าทีมทนายจะเป็นแกนหลักในการจัดเวทีสัมมนา เพียงแต่นายวิบูลย์ แช่มชื่น ทีมทนายความตระกูลชินวัตร ที่เป็นเลขาธิการแนวร่วมกฎหมายนักวิชาการเพื่อสิทธิมนุษยชนด้วย ต้องการเข้ามาสนับสนุนในการจัดงานกับเรา ก็มีแนวคิดตรงกันก็เห็นว่าน่าจะจัดสัมมนาที่สหประชาชาติ แต่ก็ไม่คิดว่าการสัมมนาดังกล่าวจะทำให้เกิดภาพว่า ทีมทนาย พ.ต.ท. ทักษิณจะไปฟ้องสังคมโลก เพราะเห็นว่าเป็นการสัมมนาเชิงวิชาการที่จะพูดถึง คตส.ว่า ได้ออกระเบียบโดยชอบหรือไม่ชอบ เรื่องคดีต่างๆที่มีการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงเรื่องต่างๆที่วินิจฉัยแล้ว
คุณนพดลคงสำคัญตัวผิดไปนิดนึงว่าเป็นนายจ้าง
เข้าใจผิดว่าการทำงานของผมและคุณวิชิต เกี่ยวข้องกับคุณนพดล จึงมาพูดผ่านสื่อมวลชนว่ามีอำนาจโยกย้ายแต่งตั้ง ทั้งที่การทำหน้าที่ของผมก็ทำตามที่ตกลงกันไว้ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณไม่จ้างเราคงไม่มาทำ และถ้าเราไม่อยู่ในตำแหน่งนี้คงไม่มาทำอย่างนี้ แต่ที่แน่ๆเราไม่ได้ถูกรับคำสั่งจากคุณนพดลให้มาทำอย่างนี้แน่นอน ผมก็เป็นทนายอาชีพ ไม่ใช่ทนายนักการเมือง เมื่อเป็นส.ว.ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่” นายประเกียรติกล่าว
“วิชิต” หยามไม่ให้ราคา “นพดล”
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทีมทนายความตระกูลชินวัตร กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้มอบหมายและได้ ตกลงหน้าที่กันภายในว่า นายนพดลจะพูดถึงเรื่องส่วนตัว ประเด็นการเมืองต่างๆที่เป็นรายวันและประเด็นทางกฎหมาย ส่วนตนและนายประเกียรติก็จะทำหน้าที่ที่เกี่ยวกับคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะฟ้องร้อง แต่ตนก็จะพูดในฐานะอดีต ส.ส.ด้วย เพราะว่าเคยอยู่ในพรรคไทยรักไทยมาก่อน “ผมทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณมา 8 ปี ซึ่งนายประเกียรติกับผมก็เป็นผู้ใหญ่กว่านายนพดล จึงไม่อยากให้เกิดภาพความขัดแย้ง แต่ก็ต้องบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยแต่ให้คุณผมมาก่อน สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย ก็ตั้งผมมาเป็นวิปรัฐบาล เป็นกรรมการบริหารพรรค ผมจึงไม่ค่อยเชื่อคุณนพดลจะพูดอย่างนั้นกับสื่อออกไป แต่บางทีเขาอาจแถลงไม่หมด ตอนนี้ผู้ใหญ่ก็คุยกันแล้ว คุณนพดลเองก็รับปากว่าจะคุยกับสื่อในเรื่องนี้ให้” นายวิชิตกล่าว
ยูเอ็นไม่ให้ใช้สถานที่ประณาม คมช.
นายวิบูลย์กล่าวว่า ตามที่เคยมีการแถลงว่าจะมีการจัดประชุมทางวิชาการ เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายว่าด้วยความมั่นคง และกฎบัตรสหประชาชาติ ด้านสิทธิมนุษยชน ในวันที่ 15 สิงหาคม ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้เจ้าของตึกมีท่าทียึกยัก ไม่ต้องการให้มีการจัดงาน โดยอ้างว่าผู้มีอำนาจฝ่ายไทยขอมา จึงต้องการชี้แจงให้ทราบถึงวัตถุประสงค์จัดงานเพื่อส่วนรวม ให้เกิดความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง จึงขอความอนุเคราะห์ ความเป็นอิสระทางวิชาการ และสิทธิเสรีภาพในการประชุม สถานการณ์ในขณะนี้จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจว่า เหตุใดต่างชาติไม่ เชื่อถือและหันไปลงทุนที่อื่น เพราะหากไม่ใช้เวทีนี้ชี้แจง ภาพลักษณ์ของไทยจะไม่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่ต้องคุยถึงสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ อาทิ การให้ฝ่ายตุลาการมาก้าวก่ายนิติบัญญัติ หรือการระบุนิรโทษกรรมล่วงหน้าไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นการนิรโทษความผิดที่จะเกิดในอนาคต เป็นการผิดหลักนิติธรรมสากลเป็นอย่างยิ่ง
ยอมรับทำเพื่อปกป้อง “ทักษิณ”
“นอกจากนี้ ยังต้องพูดถึงคดียุบพรรคไทยรักไทย ที่ใช้กฎหมายย้อนหลัง การสั่งอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว รวมไปถึงไม่อยากให้การลงประชามติเป็นการหลอกใช้อำนาจประชาชนฟอกความผิดของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากเปิดใจกว้างรับฟังความเห็นของนักกฎหมายนานาชาติก็จะรู้ว่าเขายึดถือหลักกฎหมายอย่างไร อย่างไรก็ตาม ทางยูเอ็นยังไม่ตอบรับอนุญาตให้จัด จึงไม่รู้ว่า ยูเอ็นเป็นของประชาชนหรือผู้มีอำนาจในประเทศกันแน่” นายวิบูลย์กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ถูกมองว่าทำเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ นายวิบูลย์ตอบว่า ปฏิเสธความจริงไม่พ้น เพราะส่วนตัวชื่นชอบผลงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะเดียวกันเห็นว่าควรต้องปรับปรุงในบางเรื่องเหมือนกัน หาก พ.ต.ท.ทักษิณผิดจริงให้ศาลตัดสิน
“นพดล” อ้างผู้ใหญ่ให้แถลงข่าว
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และตระกูลชินวัตร กล่าวว่า ตนได้แถลงข่าวไปตามมติที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ของทีมทนาย ซึ่งเห็นว่านายวิชิตและนายประเกียรติเป็นคนที่มีความสามารถทำงานด้านอื่นได้ โดยหลังจากนี้หากทั้ง 2 บุคคลจะแถลงอะไรก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับทีมทนาย ยืนยันว่าการทำงานของทีมทนายเราเป็นไปตามลำดับขั้น เป็นมติที่ประชุมและได้มีการหารือกับผู้ใหญ่ตลอด “ผมทำงานในตำแหน่งนี้มา 7-8 เดือน คนอื่นมาทำงานก็เป็นเรื่องของเขา แต่ผมก็ผ่านช่วงเวลายากลำบากมา หากนายวิชิตและนายประเกียรติรู้สึกไม่พอใจและต่อว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะการให้สัมภาษณ์อย่างไรก็สะท้อนถึงวัยวุฒิคนนั้น แต่การทำหน้าที่ทนายความก็ต้องมีวินัย เก็บรักษาความลับ การแถลงข่าวที่บอกว่าทั้ง 2 คนได้ยุติการทำหน้าที่ ก็เป็นเพราะผู้ใหญ่ขอให้ผมออกมาพูด ผมเป็นนักรบไม่คิดเล็กคิดน้อย” นาย นพดลกล่าว
แนะลูกความเลิกให้ข้อมูล คตส.
นายนพดลกล่าวถึงกรณีที่ประชุมใหญ่ คตส.มีมติเห็นชอบให้นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบคดีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกฯ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน และนางบุษบา ดามาพงศ์ ภรรยานายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน ฐานไม่ให้ความร่วมมือในการให้ถ้อยคำ กับคณะอนุกรรมการไต่สวนการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาครอบครัวชินวัตรได้ให้ความร่วมมือแก่ คตส. เดินทางเข้าชี้แจงซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง นางกาญจนาภาไปให้ข้อมูลถึง 4 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าได้ให้ ความร่วมมือมาตลอด แต่สิ่งที่ครอบครัวชินวัตรและคนใกล้ชิดได้รับจาก คตส. คือการเอาข้อมูลที่ชี้แจงกลับมาทิ่มแทงคนในครอบครัวชินวัตรเอง ตั้งหน้าตั้งตาเอาผิด อายัดทรัพย์ต่อเนื่องนับสิบครั้ง ถือว่า คตส.ไม่มีความเป็นธรรม
อ้างเป็นการใช้สิทธิในรัฐธรรมนูญ
“ทั้งนี้ จากการหารือของคณะทนายความได้ลงความเห็นว่า จะใช้สิทธิที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ คือ ถ้าหากคำให้การของคนในครอบครัวชินวัตร จะส่งผลให้ต้องได้รับโทษทางอาญา เนื่องจาก คตส.นำคำให้การนั้นมาเป็นเหตุดำเนินคดีแล้ว เราก็จะขอปฏิเสธให้ข้อมูลในชั้นคตส. โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาบิดพลิ้ว แต่เป็นการดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญรองรับไว้ อย่างไรก็ตาม หากคตส.ดำเนินคดีอาญาจริง ทางคณะทนายความก็จะส่งตัวแทนไปพบเจ้าพนักงานตำรวจ มั่นใจว่าจะชี้แจงและพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ว่า คำให้การของคนในครอบครัวชินวัตรเป็นผลร้ายต่อตัวเขาเอง” นายนพดลกล่าว