ในเรื่องการฆ่าตัวตายนี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกเพราะเขาได้เคยให้สัมภาษณ์กับรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ในตอนที่เขาพ้นโทษออกมาแล้วเมื่อปี 2556 ว่า ในวันที่ 21 ธ.ค.ปี 2553 เคยกินยานอนหลับเกินขนาดจนเกิดอาการช็อคหมดสติในเรือนนอนภายในแดนคุมขังมาแล้วด้วย ทั้งยังได้บอกในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไว้ด้วยว่า
"ไม่รู้สึกเป็นบาปที่คิดฆ่าตัวตาย บาปเป็นอย่างไร เขาไม่เชื่อบาปบุญแล้ว เป็นเรื่องอุปโลกน์ที่สมมติขึ้น ไม่เชื่อว่าบาปบุญนรกสวรรค์มีจริงมีสองสิ่งที่เชื่อคือสุขกับทุกข์ ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ต้องการผจญความทุกข์แล้ว กลับไปที่ ๆ เคยมา"จนวันที่ 30 ต.ค. 58 เสี่ยอู๊ดได้ตัดสินใจจบชีวิตลงพร้อมกับทิ้งจดหมายตัดพ้อโดยมีข้อความว่า...
ซึ่งใจความของ จดหมายมีว่า
‘(ภูมิใจ) จากเด็กกำพร้าจากคน มีวุฒิ ม.3 ได้หาเงินช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา ก่อเกิดสารธารณประโยชน์ เป็น วัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานศึกษา มหาวิทยาลัยสงฆ์ องค์กรการกุศล สงเคราะห์ผู้ยากไร้ อุปการะเยาวชนให้เล่าเรียน จัดเป็นมูลค่าสินทรัพย์และเงิน รวมๆ บริจาคไปกว่า 3,000 ล้านบาท กระจายอยู่ทั่วแผ่นดิน ทั้งที่คนรู้และไม่รู้
(เสียใจ) ที่หาเงินได้มากมาย แต่ไม่เคยเก็บสะสมสร้างฐานะ เพราะมั่วแต่ช่วยผู้อื่น ไม่เคยช่วยพี่น้อง ช่วยสาธารณะจนตัวเองเดือดร้อน ผลตอบแทนกลับมาให้เสื่อมเสีย ไม่มีความดีและความจริง จากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือไป จะเป็นจริงอย่างถาวร "ดีชั่ว ถูกผิด ยึดติด ใครไม่ได้"
(คำสั่ง) หากเสียชีวิตที่พิษณุโลก ให้น้องชายขึ้นมาจัดการศพ ทำการเผาทันที ไม่ให้จัดพิธีการใดๆ ไม่ให้บำเพ็ญกุศล เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องเดือดร้อน ไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมายุ่งยาก ที่สำคัญผมทำบุญได้เยอะแล้ว ไม่มีใครจะทำบุญให้ผมได้เท่าตัวผมทำตอนอยู่
ท้ายสุดฝากบอกบุญ เชิญคนไทยไปบริจาคทรัพย์สินรับำพระเครื่อง ซึ่งผมบริจาคไว้ 25 ล้านบาท...
ฝากคำคมข้อคิด จากบัณฑิต ม.3
"ดีที่สุด คือหยุดอยาก...ดียาก ที่อยากที่สุด"
สิทธิกร
วันออกพรรษาปี 2558'