สยอง จระเข้ยักษ์ งับมือขาดคาปาก

งับแขนสัตวแพทย์ ผู้ดูแลจนขาดคาปาก และกล้องโทรทัศน์สามารถจับภาพเหตุการณ์สยดสยองนี้ไว้ได้ทันควัน เปิดเผยโดยสำนักข่าว เอพี เอเอฟพี และหนังสือพิมพ์ลิเบอร์ตี้ ไทม์ส ของไต้หวัน

บรรดาศัลยแพทย์ ไต้หวันต้องใช้เวลากว่า 7 ชม. ผ่าตัดต่อแขนข้างซ้ายท่อนล่างให้นายชาง โป หยู วัย 38 ปี สัตวแพทย์ผู้ดูแลสวนสัตว์เส้าชาน ในเมืองเกาสง ทางภาคใต้ของไต้หวัน จนเป็นผลสำเร็จ หลังนายชางถูกจระเข้พันธุ์แม่น้ำไนล์ ขนาดยักษ์ อายุ 17 ปี ที่หนักถึง 300 กิโลกรัมของสวนสัตว์ดังกล่าว กัดแขนขาดคาปาก อย่างน่าสยดสยองเมื่อวันพุธที่ 11 เม.ย.

เพื่อทำให้หมดฤทธิ์ แล้วรักษาอาการเจ็บป่วยของจระเข้ จากนั้นนายชางได้ยื่นแขนเข้าไปในกรงจระเข้ เพื่อถอนลูกดอกและให้ยารักษาจระเข้ ฒิฬ โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ายาสลบยังไม่ออกฤทธิ์เต็มที่ และจู่ๆโดยไม่มีใครคาดฝัน จระเข้ได้อ้าปากงับแขนของนายชางจนขาดคาปากฒฝิฬ และโทรทัศน์ช่องหนึ่งของไต้หวันสามารถจับภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้ได้ สร้างความตกตะลึงและความเสียวสยองแก่ประชาชนทั่วประเทศ

หลังเกิดเหตุเพื่อนร่วมงานรีบนำตัวนายชางส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้ยิงปืน 2 นัดใส่บริเวณลำคอจระเข้ ทำให้มันตกใจและช็อกจนคายแขนของนายชางออกมา เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้รีบนำแขนนายชางที่ขาดใส่กระติกน้ำแข็งแช่เย็น นำส่งไปให้แพทย์ต่อแขนได้ภายใน 80 นาที หลังจากการผ่าตัดสำเร็จ นายชางมีอาการทรงตัว และแพทย์เผยว่ามีโอกาสถึง 80% ที่จะรักษาแขนของเขาไว้ได้ เพราะเนื้อเยื่อแขนบางส่วน เริ่มทำงานได้ตามปกติแล้ว ขณะที่จระเข้เจ้ากรรมยังโชคดีรอดชีวิต เพราะหนังที่หนาของมัน ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุนแต่อย่างใด

จระเข้ตัวนี้เป็นจระเข้สายพันธุ์แม่น้ำไนล์ ในทวีปแอฟริกา 1 ใน 2 ตัวที่ถูกเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์ แห่งนี้ โดยทางสวนสัตว์ซื้อมาจากชาวไต้หวันคนหนึ่ง ซึ่งเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้านเมื่อ 10 ปีก่อน จระเข้สายพันธุ์แม่น้ำไนล์ ได้ชื่อว่าเป็น จระเข้กินคน เพราะมีความดุร้ายตามธรรมชาติ มันถูกขึ้นบัญชีสัตว์ป่าหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วในถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมในแอฟริกา

ศัลยแพทย์แห่งโรงพยาบาลชุงโฮ เมโมเรียล ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เมืองเกาสง ได้แถลงหลังการผ่าตัดต่อแขนนายชาง ว่า ใน 14 วันข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่ง ที่จะรู้ได้ว่าแขนของนายชางจะใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่ ขณะที่นายชางยังอารมณ์ดี โบกมือทักทายช่างภาพและผู้สื่อข่าว ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มบนเตียงคนไข้ พร้อมทั้งคอยปลอบโยนมารดาที่เศร้าโศกกับความโชคร้ายของลูกชาย

ขณะที่เพื่อน ๆ ของนายชางหวั่นกลัวว่า แขนของนายชางจะหายดีจนสามารถกลับมาเล่นเปียโนที่เขาชื่นชอบได้หรือไม่ ขณะที่โทรทัศน์ของไต้หวันรายงานด้วยว่า

นายชาง เป็นผู้ทุ่มเทดูแลสัตว์ ในสวนสัตว์แห่งนี้ยิ่งชีวิต ในปี 2544

เขาเคยเสี่ยงตายกระโดดเข้าไปในกรงสิงโต เพื่อล่อให้มันหนีไปยังที่ปลอดภัยหลังเกิดน้ำท่วมสวนสัตว์

โทรทัศน์ยังแพร่ภาพวีดิโอขณะนายชางนั่งร้องไห้ หลังจากช้างตัวหนึ่งในสวนสัตว์ตายกะทันหันเมื่อหลายปีก่อน

หลังเกิดเหตุสยอง จระเข้หนัก 300 กิโลกรัม ที่กัดแขนนายชางขาดกระจุย กลายเป็น ดารา ชั่วข้ามคืน มีประชาชนจำนวนมากแห่กันไปชมมันถึงที่ หลายคนถึงกับฝ่าแนวกั้นของตำรวจเพื่อจะได้ยลโฉมหน้ามันอย่างใกล้ชิด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ