แฉระบบ รปภ.สุวรรณภูมิ ด้อยประสิทธิภาพ

ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา ตรวจสอบ และติดตามแก้ไขปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

มีพล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน

สมาชิกสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เป็นประธาน โดยพล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป กรรมาธิการฯ ได้รายงานผลการศึกษาระบบการรักษาความปลอดภัยในสนามบินสุวรรณภูมิว่า บริษัทล็อค เล่ย์ไอทีซีเอส

ซึ่งเป็นคู่สัญฯญาได้ทำผิดสัญญา 2 ข้อ

ซึ่งสามารถทำให้เกิดการยกเลิก สัญญาได้ คือ ในสัญญาข้อ 6 ระบุว่า ผู้รับจ้างต้องเสนอแผนงานให้เป็นที่พอใจแก่ผู้จ้าง แต่ จนถึงขณะนี้บริษัทล็อคเล่ย์ฯ ยังไม่มีการเสนอแผนงานให้บริษัทการท่าอากาศยานไทย(ทอ ท.) และยังขัดต่อสัญญาในข้อ 7 ระบุว่า การโอนสิทธิและการจ้างช่วงถือว่าผิดสัญญา

ทั้งนี้ ในสัญญาระบุว่า

ระบบรักษาความปลอดภัยจะปฏิบัติงานเต็มจำนวน 6,800 คน แต่ในการ ปฏิบัติงานจริงมีเพียง 4,000 กว่าคนเท่านั้น ขณะที่การรักษาความปลอดภัยบริเวณจุด ทำลายวัตถุระเบิดใน 2 เดือนแรก

กลับไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัย

ในบริเวณดัง กล่าว อีกทั้งการทำงานของพนักงานยังขาดประสิทธิภาพ เพราะจากรายงานคณะกรรมการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพบว่า ในช่วง 01.00-05.00 น.

พนักงานของบริษัทดังกล่าว

หลับยามในลักษณะท่านอนยาว เนื่องจากการทำงานมีเพียง 2 กะ คือ ระหว่างเวลา 08.00- 20.00 น. และ 20.00 08.00 น. เท่านั้น ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน โดยไม่มี การผลัดเปลี่ยนกำลัง 3 กะ เพราะขาดกำลังพล

นอกจากนี้ยังพบว่าสาเหตุ

ที่ทอท.ทำสัญญาจ้างบริษัทล็อคเล่ย์เป็นเวลาถึง 10 ปี โดยใช้วิธีการพิเศษ ซึ่งมีนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้กำหนด ในทีโออาร์ โดยพบว่ามีการเพิ่มราคากลางก่อนวันเปิดซอง

จากราคา 2,086 ล้านบาท

เป็น 5,400 ล้านบาท โดยอ้างว่าต้องเพิ่มงานและกำลังคน จาก 1,954 คน เป็น 1,965 คน ซึ่งถือ เป็นการเพิ่มกำลังคนเพียง 11 คน แต่ขอเพิ่มงบถึง 2,400 ล้านบาท และวิธีการแจ้งให้ บริษัทเอกชนเข้าร่วมประมูลกลับใช้วิธีการโทรศัพท์และส่งโทรสาร เพียง 5 บริษัท ซึ่ง บริษัทล็อคเล่ย์ ไม่ได้อยู่ใน 5 บริษัทดังกล่าว แต่กลับได้รับการประมูล

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์