วันเดียวกันนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)และโฆษกคณะกรรมการป.ป.ช.
แถลงถึงความคืบหน้าการไต่สวนกรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว กล่าวว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวน ได้ความว่า การเจรจาอ้างว่าเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีระหว่างรัฐบาลไทยกับผู้แทนหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน จำนวน 2 หน่วยงาน ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้เห็นได้ว่า เป็นการซื้อขายแบบจีทูจี
นอกจากนี้ยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลอื่น มีส่วนร่วมระทำความผิดเพิ่มขึ้นดังนั้น ป.ป.ช.จึงลงมติให้ขยายการไต่สวนไปยังบุคคล ดังต่อไปนี้
นายมนัส สร้อยพลอย เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ สมัยดำรงตำแหน่งกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งบุคคลทั้ง 3 เป็นผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว รวมไปถึงผู้แทนเจรจาฝ่ายสาธารณรัฐประชาชนจีน 2 หน่วยงาน
และกลุ่มบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากผู้แทนฝ่ายจีน คือ นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายสมคิด เอื้อนสุภา นายลิตร พอใจ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และ บริษัท สยามอินดิก้า ซึ่งพบว่าเงินที่ชำระค่าซื้อขายข้าวส่วนใหญ่เกี่ยวพันธ์กับบริษัท สยามอินดิก้า
นอกจากนี้ ยังตรวจพบว่า การซื้อขายแบบจีทูจีเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคา
ทำให้เกิดความเสียหายจากการขายที่ต่ำกว่าราคาตลาด ตั้งแต่เดือน ส.ค. 54 ถึง มิ.ย. 56 พบปริมาณส่งมอบข้าวไปยังจีนเพียง 375, 000 ตันจากปริมาณตามสัญญา 480,000 ตัน โดยอนุกรรมการจะเร่งไต่สวนและแจ้งข้อกล่าวหาโดยเร็วต่อไป
นายวิชา ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ไม่สามารถตั้งข้อกล่าวหาได้ทั้งที่กระบวนการแล้วเสร็จเกือบหมดแล้ว
มาจากการที่ ผอ.คนหนึ่งที่มีหน้าที่ดูแลคลังสินค้า ไม่ยอมมอบเอกสารสำคัญ ซึ่งเป็นใบส่งสินค้าให้กับ ป.ป.ช. ซึ่ง ป.ป.ช. กลัวว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟในขณะนี้ เอกสารดังกล่าวอาจจะถูกเผาไปได้ ดังนั้น ป.ป.ช. จะใช้กฎหมายของ ป.ป.ช. ดำเนินการนำเอกสารนี้มาให้ได้ และมีไม้เด็ดคือการที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหามาเป็นพยานของ ป.ป.ช. โดยที่พยานไม่ถูกดำเนินคดีได้
ด้าน นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการและรองโฆษกคณะกรรมการป.ป.ช.กล่าวว่าเอกสารที่ ป.ป.ช.ต้องการนั้น
มีความจำเป็นอย่างมากเพื่อใช้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการขนส่งข้าวของตามจังหวัดต่างๆ ถ้าได้เอกสารตรงนี้จะสามารถขมวดทุกประเด็นและนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาได้ต่อไป กรณีนี้ถือว่าเป็นมหากาพย์เพราะมีผู้ใหญ่และผู้น้อย ภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่เกี่ยวข้อง
ส่วนโครงการรับจำนำข้าวขณะนี้ มีการกู้เงินมาทำโครงการจนเต็มวงเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จำนวน5แสนล้านบาทแล้ว จนต้องออกเป็นพันธบัตรเพราะไม่สามารถกู้เพิ่มได้อีกแล้วตามที่มีข่าวออกมา
ส่วนกรณีไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาซึ่ง ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเรื่องการระบายข้าวผ่านรูปแบบข้าวถุงเช่นกันเป็นคำร้องที่มีคณะสว.และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเข้ามา แต่ป.ป.ช.ไม่ได้ไต่สวนกรณีข้าวถุงรวมกับประเด็นอื่นๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนกัน