ส่งทหารพราน 20 กองร้อยลงพท.สามจว.ใต้แล้ว

ในฐานะหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) กล่าวว่า ในวันที่ 1 เมษายนนี้ ทางกองทัพภาคที่ 4 ได้ส่งทหารพราน 20 กองร้อย ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการฝึกฝนทหารพรานกลุ่มดังกล่าวเป็นโครงการที่สืบเนื่องมาจากการจัดตั้งตามแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาล ที่ต้องการให้คนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นให้มากที่สุด

"โดยทหารพราน 20 กองร้อย ที่ลงมาประจำการในครั้งนี้ เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการเดิม หลังจากที่ได้ส่งทหารพรานลงมาประจำการในพื้นที่ก่อนหน้านี้แล้ว 10 กองร้อย และเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือ การผลิตทหารพรานให้ครบ 30 กองร้อย เพื่อลงมาประจำการในพื้นที่"

ทหารพรานชุดที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่วันนี้ ได้ผ่านการฝึกฝนจากทหารในสังกัดกองทัพภาคที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช มาอย่างเข้มงวดแล้ว และมั่นใจว่าทหารพรานทั้ง 20 กองร้อยที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ จะไม่สร้างปัญหาให้เกิดกับราษฎรในพื้นที่อย่างแน่นอน เพราะ 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนทหารทั้งหมดเป็นคนในพื้นที่ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้น ก็เป็นคนที่ภูมิลำเนาเดิมอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เช่นกัน อาทิ จ.สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง และตรัง

"ที่ผ่านมาถือว่าทหารพรานเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่สามารถรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี เพราะคนกลุ่มนี้สามารถใช้ความเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าเสาะแสวงหาข้อมูลเชิงลึก จนสามารถรับรู้เบาะแสและความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ และต้องยอมรับว่า ทหารพรานกลุ่มนี้เป็นกลไกสำคัญที่สามารถควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นได้"

หลังจาก พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เห็นด้วยกับการร่างกฎห้ามชายและหญิงที่ปิดบังใบหน้าซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ล่าสุดกองทัพภาคที่ 4 ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่ไปสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวกับราษฎรในพื้นที่แล้ว

จากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้เข้าร่วมประชุมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 เพื่อหาข้อสรุปว่าจะประกาศใช้กฎเหล็กดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร แต่ในเบื้องต้นพบว่า ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก