ครอบครัวไทยวิกฤต สามี-ภรรยาฆ่ากันและทำร้ายร่างกายเพิ่มสูง ติดอันดับโลก
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ภัยพิบัติ ครอบครัวไทยวิกฤต สามี-ภรรยาฆ่ากันและทำร้ายร่างกายเพิ่มสูง ติดอันดับโลก
ภาพประกอบจาก อิืนเตอร์เน็ต
เมื่อ 10 เม.ย. นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา "รายงานสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว" จัดโดย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ มหานาค
นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เปิดเผยว่า จากการสำรวจในหัวข้อการทำร้ายคู่สมรส พบว่าประเทศไทยมีการทำร้ายกันของคู่สมรสอยู่ประมาณอันดับที่ 30 ของโลก ผู้ชายเป็นฝ่ายทำร้ายผู้หญิงสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ที่สำคัญพบว่าผู้หญิงยอมรับการถูกทำร้ายสูงอันดับ 2 ของโลก จากทั้งหมด 49 ประเทศ ทั้งนี้ความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากปัญหาเชิงทัศนคติ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ได้รับการปลูกฝังให้เป็นฝ่ายอดทนเพื่อครอบครัว
“ดังนั้นต้องปรับค่านิยม ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการมีหลักสูตรเจนเดอร์ในโรงเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล เพื่อปลูกฝังการเคารพสิทธิความเท่าเทียมระหว่างเพศให้อยู่ในใจตั้งแต่เด็ก ขณะเดียวกันกระทรวงพม. พยายามจัดระบบหน่วยบริการช่วยเหลือ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือทางสังคม ซึ่งจะเป็นช่องทางให้ผู้ถูกกระทำมีทางเลือกเพิ่มขึ้น” นายสมชาย กล่าว
ด้านนายวิเชียรกล่าวว่า ความรุนแรงในครอบครัวมีมากขึ้นและจำนวนเพิ่มขึ้น หลายคนอาจมองว่าสังคมสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วจึงดูว่ามีความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นสองอย่างประกอบกัน คือในอดีตคนที่ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวไม่กล้าเปิดเผยตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวแล้วจะต้องปกปิด เราพยายามรณรงค์ให้ทุกครอบครัวมีความอบอุ่นไม่ก่อความรุนแรง สิ่งสำคัญอยากให้ผู้ที่ถูกกระทำก้าวข้ามความกลัวออกมาเผชิญร่วมแก้ปัญหา
เมื่อถามว่าสัดส่วนของผู้ถูกกระทำรุนแรงแล้วกลับเข้าสู่สังคมได้มีจำนวนเท่าใด นายชวลิตกล่าวว่า หากผ่านกระบวนการแล้วทุกคนสามารถกลับสู่ครอบครัวได้ทั้งหมด ไม่มีใครต้องอยู่ในการดูแลของเราตลอดชีวิต แต่ใช้เวลามากน้อยแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามพบว่ามีผู้ถูกกระทำซ้ำมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งเราใช้กระบวนการทางสังคมเข้าไปแก้ปัญหา ดูว่าแต่ละรายมีปัญหาตรงไหน พยายามลดการกระทำซ้ำ แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากตอนนี้และเป็นปัญหาใหม่ คือผู้ที่ถูกกระทำความรุนแรงไม่ออกมาแสดงตน เราจึงรณรงค์ว่าการกระทำความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลจึงตั้งศูนย์ช่วยเหลือทางสังคม (OSCC) เป็นช่องทางใหม่ให้ทุกคนที่ประสบปัญหาเข้าถึงเจ้าหน้าที่ได้สะดวก และได้รับการแก้ไขทุกกรณี
น.ส.จรีย์ ศรีสวัสดิ์ ฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่าข่าวความรุนแรงในครอบครัว มีปัจจัยกระตุ้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 29.13 เปอร์เซ็นต์ แบ่งประเภทข่าวความรุนแรงในครอบครัวออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ 1.ฆ่ากัน 59.16 เปอร์เซ็นต์ 2.ฆ่าตัวตาย 24.02 เปอร์เซ็นต์ 3.ทำร้ายกัน 8.71 เปอร์เซ็นต์ 4.ความรุนแรงในครอบครัวอื่นๆ 3.10 เปอร์เซ็นต์ 5.ตั้งครรภ์ไม่พร้อม 2.7 เปอร์เซ็นต์ และ6.ล่วงละเมิดทางเพศ 2.4 เปอร์เซ็นต์
“หากเปรียบเทียบการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เมื่อปี 2554 เราจะพบข่าวการฆ่ากัน จำนวน 49.70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ปี 2555 พุ่งสูงถึง 59.16 เปอร์เซ็นต์ และหากจำแนกประเภทตามความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ คือ ระหว่างสามีภรรยา 64.97 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา คือคู่รักแบบแฟน 15.74 เปอร์เซ็นต์ สำหรับจังหวัดที่มีการก่อเหตุฆ่ากันของสามีภรรยา พบว่าเกิดเหตุที่กรุงเทพฯ มากที่สุดรองลงมา คือ จ.สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี และชลบุรี การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นให้มีการก่อเหตุมากที่สุด” น.ส.จรีย์ กล่าว