เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีฝ่ายบริหาร กรมอุตุนิยมวิทยา แถลงข่าวการ"เกิดพายุดีเปรสชัน"บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศไทย ว่า
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 ต.ค. เกิดพายุดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางห่างประมาณ 600 กม.ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือละติจูด 15.5 องศาเหนือ และลองจิจูด 113.0 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 30 นอต หรือ 55 กม./ชม. แต่พายุเกือบจะไม่เคลื่อนที่ ซึ่งลักษณะเช่นนี้มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซร้อนภายใน วันที่ 2-3 ต.ค.นี้
จากนั้น ช่วงวันที่ 4-5 ต.ค. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนาม วันที่ 6-7 ต.ค. จะเคลื่อนผ่านประเทศลาวตอนล่าง และเคลื่อนตัวมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทย จะมีฝนตกหนาแน่นสะสมเฉลี่ยมากกว่า 90.1 มิลลิเมตร บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน
นายสมชายกล่าวอีกว่า แต่ช่วง 1-2 วันนี้ ก่อนพายุดีเปรสชันจะเข้ามายังประเทศไทย ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์กระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง
“ทั้งนี้ พายุดังกล่าวถือว่าเป็นลูกแรกที่เข้าประเทศไทยในปี 2555 และลักษณะคล้ายกับพายุกิสนา ซึ่งจะทำให้ในหลายพื้นที่มีน้ำเพิ่มขึ้น ในลักษณะน้ำท่วมขัง แต่จะไม่เลวร้ายเหมือนปี 2554 เพราะการเคลื่อนตัวของพายุค่อนข้างเร็ว คาดว่าน่าจะอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2-3 วัน จึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมพร้อมรับมือดูแลอย่างใกล้ชิด”นายสมชายกล่าว
และว่า นอกจากนี้ บริเวณทะเลจีนใต้ใกล้กับพายุดีเปรสชันดังกล่าว ยังตรวจสอบพบมีพายุก่อตัวเกิดขึ้นอีก 4 ลูก และมีแนวโน้มที่จะเข้าประเทศไทย 1 ลูก ช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ส่วนจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจะเป็นภาคใต้ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว ส่วนฤดูหนาวในภาคเหนือและภาคอีสาน จะเริ่มมีอากาศเย็นลงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และภาคเหนืออากาศทั่วไปในช่วงเดือนธันวาคมนี้ จะหนาวเย็นต่ำกว่า 10 องศา ส่วนยอดดอย จะมีอากาศเย็นลงถึงติดลบองศาได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฤดูหนาวด้วย