น้ำท่วม อ.อรัญประเทศ ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอ.บางระกำน้ำยมเพิ่มวันละ 20 ซ.ม. อีก 2 วัน ท่วมเต็มที่กิน 70,000 ไร่ คาด พ.ย. ระบายหมด ด้านปภ. สรุปพื้นที่อุทกภัย 17 จังหวัด ขณะปราจีนบุรี ท่วมตลาดเก่ากบินทร์บุร
สถานการน้ำในพื้นที่ จ.สระแก้ว เข้าสู่วันที่ 5 ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองอรัญญประเทศ ที่หน้าพระสยามเทวาธิราช และเทศบาล ระดับน้ำอยู่ที่ 30 - 50 ซ.ม. รถกระบะสามารถวิ่งได้บ้าง และวันนี้เวลา 11.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ นายมนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ฯ เป็นผู้แทนพระองค์ ในพิธีมอบสิ่งของพระราชทาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย” 500 ชุด ณ เทศบาลตำบลบ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ
บางระกำอีก2วันน้ำยมท่วมเต็มที่7หมื่นไร่
สถานการณ์น้ำท่วม จ.พิษณุโลก ขณะนี้ หนักสุดอยู่ที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ภาพรวมขณะนี้ มีพื้นที่ 3 อำเภอ ที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง อ.พรหมพิราม ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก และอ .บางระกำ ด้วยอิทธิพลของแม่น้ำยม ล้นตลิ่ง กินเนื้อที่น้ำท่วม 70,000 ไร่ นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ อ.บางระกำ ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำยม มากที่สุด วันนี้ แม่น้ำยมที่สถานีวัดน้ำ Y16 อ.บางระกำ สูง 8.37 เมตร เพิ่มจากวานนี้ ที่สูง 8.17 เมตร (ความจุลำน้ำ 7 เมตร) เพิ่มขึ้นวันละ 20 เซนติเมตร และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกต่อเนื่องไปอีกประมาณ 2 วัน น้ำยมที่ท่วมเขต อ.เมือง จ.สุโขทัย อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กำลังไหลมารวมกันที่ อ.บางระกำ ขณะนี้มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 50,000 ไร่ และถ้ารวมพื้นที่น้ำท่วม อ.เมืองพิษณุโลก และ อ.พรหมพิราม จะมีพื้นที่น้ำท่วมขังแล้ว 70,000 ไร่สำหรับแผนการระบายน้ำในช่วงปลายฤดูฝน ถ้าไม่มีฝนตกมาเพิ่มในช่วงนี้ น้ำท่วมขังในเขต อ..บางระกำ จะเพิ่มสูงสุดในอีก 2 วันข้างหน้า จากนั้นระดับน้ำจะค่อยๆ ลดลง จากการไหลผ่านแม่น้ำยม เข้าสู่ จ.พิจิตร และการระบายน้ำออกสู่แม่น้ำน่าน โดยชลประทาน จะระบายน้ำที่ท่วมทุ่งในเขต อ.บางระกำ ให้หมดในช่วงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2555 นี้
ปภ.สรุป17จว.ยังท่วมสระแก้วเริ่มคลี่คลาย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. สรุปสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศ เช้าวันนี้ (22 ก.ย.) ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี นครปฐม สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา อุตรดิตถ์ ชัยภูมิพิจิตร นครนายก และ ตาก รวม 38 อําเภอ 260 ตําบล 1,588 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 64,016 ครัวเรือน 163,798 คนจังหวัดสระแก้ว ฝนตกหนักทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ในพื้นที่ 5 อําเภอ 32 ตําบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,942 ครัวเรือน 13,645 คน ตลาดโรงเกลือ สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เทศบาลอรัญประเทศ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 - 1.00 เมตร ตําบลบ้านใหม่หนองไทร ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 - 0.50 เมตร แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ น้ำจะไหลไปรวมที่ ตําบลท่าข้าม อําเภออรัญประเทศ และจะไหลไปยังกัมพูชา รถไฟสามารถใช้บริการได้ถึงสถานีวัฒนานคร เท่านั้น หากไม่มีฝนตกเพิ่มสถานการณ์จะคลี่คลายใน 1 - 2 วัน ส่วน จังหวัดปราจีนบุรี น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี เอ่อล้นเข้าท่วม ในพื้นที่ 5 อําเภอ ได้แก่ อําเภอกบินทร์บุรี อําเภอศรีมหาโพธิ อําเภอเมืองปราจีนบุรี อําเภอนาดี และ อําเภอบ้านสร้าง ปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ตลาดเก่ากบินทร์บุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 - 0.80 ม.โรงเรียนได้ทําการปิดเรียน 7 แห่ง ถนนเสียหาย 73 สาย ปัจจุบันระดับน้ำในลุ่มน้ำปราจีนบุรี (แม่น้ำสทึง) ตําบลบ้านสระขวัญ อําเภอเมือง (ระดับตลิ่ง 11.50 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.30 ม.
รมช.มท.ลงพื้นที่สระแก้ว ติดตามน้ำท่วม
ที่หอนาฬิกา หน้าโรงพยาบาลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว โดยมี นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทุกอำเภอ ให้การต้อนรับ และรายงานสรุปสถานการณ์ จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กำหนดเดินทางพบปะปราศรัยกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ที่บริเวณแยกหอนาฬิกา เทศบาลเมืองอรัญญประเทศ ซึ่งตั้งเป็นศูนย์บริการประชาชนผู้ประสบภัย พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำนวนกว่า 600 ชุด
แพทย์เคลื่อนที่ให้บริการชาวอรัญฯหลังน้ำลด
หน่วยแพทย์และสาธารณสุขเคลื่อนที่ ให้บริการประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในขณะที่สถานบริการสาธารณสุขของ จ.สระแก้ว ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคลองหาด ที่ตอนนี้น้ำแห้งกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ถูกน้ำท่วม 3 อำเภอ 6 แห่ง ได้แก่ อ.อรัญประเทศ 4 แห่ง ที่ยังมีน้ำท่วมอยู่ คือ รพ.สต.ท่าข้าม ต.ท่าข้าม ระดับน้ำประมาณ 10 ซ.ม. อีก 3 แห่ง ระดับน้ำลดลงจนเป็นปกติแล้ว อ.วัฒนานคร 1 แห่ง ระดับน้ำปกติแล้ว ส่วนที่ รพ.สต.โนนหมากมุ่น ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง ยังคงมีน้ำท่วมสูง 10 ซ.ม. และที่ ร.พ.อรัญประเทศ น้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ด้านนอกโรงพยาบาล และบ้านพัก สูงประมาณ 50 - 60 ซ.ม. มีน้ำซึมเข้าในพื้นที่รอบตัวอาคารโรงพยาบาล สูงประมาณ 10 ซ.ม. ต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำ นอกจากนี้ ยังมีบ้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ถูกน้ำท่วมไป 175 ราย 5 อำเภอ ในขณะเดียวกัน ก็ได้แจกชุดยาให้กับประชาชน และหน่วยงาน ไปกว่า 2,000 ชุดแล้ว
สธ.พบผู้ป่วยน้ำท่วมวันละเกือบ 2 พันราย
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ตำบลท่าตูม หมู่ 1 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี มอบถุงยังชีพ ยาสามัญประจำบ้าน ให้ผู้ประสบภัย 70 หลังคาเรือน หลังจากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่ออกให้บริการประชาชน ที่เต็นท์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพ ยาสามัญประจำบ้าน ให้ผู้ประสบภัยอีก 300 ครัวเรือนนายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 16 จังหวัด กว่าร้อยละ 50 อยู่ในภาคกลาง ซึ่งเป็นลักษณะของน้ำไหลหลาก ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ออกให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด โดยจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการวันละ 30 ทีม ผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 9 - 21 กันยายน 2555 พบผู้ป่วยสะสม 25,369 ราย เฉลี่ยวันละเกือบ 2,000 ราย โรคที่พบมากอับดับ 1 คือ ปวดศีรษะ รองลงมาคือ น้ำกัดเท้า และไข้หวัด พร้อมประเมินด้านสุขภาพจิต ผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงจากภาวะน้ำท่วม เช่น ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว และผู้ทรัพย์สินเสียหายจากน้ำท่วมเกือบ 5,000 ราย พบเครียดสูง 111 ราย ต้องติดตามดูแลใกล้ชิด 38 ราย
อย่างไรก็ตาม กระแสน้ำท่วมขณะนี้ ไหลเชี่ยว สภาพน้ำขุ่นแดง มีสิ่งปนเปื้อนจำนวนมาก เสี่ยงต่อการจมน้ำเสียชีวิต และโรคตาแดง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งชอบลงเล่นน้ำท่วมขัง ฝากเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลาน ควรห้ามลงเล่นน้ำ และหากน้ำท่วมกระเด็นเข้าตา รีบล้างด้วยน้ำสะอาด ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคลมชัก หรือลมบ้าหมู โรคหัวใจ หรือผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วม หรือออกหาปลาโดยลำพัง