ที่สถาบันพระปกเกล้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรต้องเป็นตัวของตัวเองในการพิจารณาปรับครม. ในส่วน 2 กระทรวงที่เป็นปัญหาและควรต้องเร่งแก้ไข คือกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน
ที่มีปัญหาเรื่องสินค้าราคาแพง และปัญหาพลังงาน ทำให้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า ส่วนกระทรวงที่ดูแลด้านความมั่นคงนั้น หากจะปรับเปลี่ยนอะไร ควรต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยเฉพาะกรณีของพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เพิ่งแต่งตั้งให้ดูแลปัญหาภาคใต้ไม่ถึงเดือน หากจะปรับเปลี่ยนก็ถือเป็นเรื่องแปลกมาก และจะยิ่งกระทบกับความรู้สึกของคนในพื้นที่ว่าสรุปแล้วรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามถือเป็นดุลยพินิจของนายกฯ ที่จะเห็นว่า ใครเหมาะสมจะมาทำงาน และหากปรับก็ต้องอธิบายว่าเหตุผลคืออะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ว่าตอบแทนทางการเมือง หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ชายไปสัญญาอะไรกับใครไว้ ก็คงไม่ใช่คำตอบที่จะยอมรับกันได้
สำหรับกรณีที่จะมีการนำบุคคลในบ้านเลขที่ 111 ที่พ้นโทษตัดสิทธิ์ทางการเมืองมาเป็นรัฐมนตรีจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดีขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีที่จะเห็นว่าใครเหมาะสม เพราะที่ผ่านมาทั้งบ้าน 111 และ109 ก็มีบทบาทอยู่แล้ว เพียงแต่อยู่เบื้องหลัง