หลายพื้นที่ในจังหวัดภาคกลางต้องประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ กินเวลายาวนานกว่า 2 เดือน
จนถึงวันนี้ระดับน้ำเริ่มลดลง พี่น้องประชาชนเริ่มกลับเข้าบ้านเพื่อทำความสะอาดบ้าน แต่ปัญหาที่พบนอกจากเรื่องบ้านแล้ว ต้องยอมรับว่า "รถยนต์" เป็นอีกปัญหาใหญ่ต้องจมไปกับน้ำ เพราะคาดไม่ถึงว่าระดับน้ำปี 2554 จะมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
รถยนต์หลายพันคันจึงต้องตรวจเช็ก ซ่อม เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้งานได้ดังเดิม...งานนี้จึงกลายเป็นโอกาสทองของอู่ซ่อมรถ ที่จะสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
"ดนยมล อะฎะวินทร์" อายุ 62 ปี บ้านอยู่ ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา บอกว่า ตอนเกิดน้ำท่วมเพิ่งจะซื้อรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ ออกมาใช้งานได้ไม่นานนัก พอรู้ข่าวว่าจะเกิดน้ำท่วม จึงขับรถไปจอดไว้ที่ที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา ปรากฏว่าหนีน้ำไม่พ้น ถูกน้ำท่วมมิดหลังคาตั้งแต่วันแรก ทำได้เพียงเดินทางไปดูสภาพรถ
"ฉันรอจนน้ำลดแล้วเข้าไปกู้ซากรถออกมาซ่อมที่อู่ เสียเงินไปประมาณ 2.6 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่สูง แต่ก็ต้องยอมทำ เพราะเป็นรถของเรา นอกจากซ่อมเครื่องแล้ว ปัญหาที่ตามมาคือกระจกไฟฟ้า ซึ่งคงต้องค่อยๆ ทยอยซ่อมกันไป" ดนยมล กล่าว
เช่นเดียวกับ ชัชรัตน์ เสรีรัตนชัยพร อายุ 38 ปี เปิดใจถึงความโชคร้ายของตัวเองว่า ช่วงที่น้ำทะลักเข้าบ้าน ตอนนั้นไม่อยู่บ้าน จึงต้องยอมรับสภาพที่รถยนต์ต้องจอดจมอยู่กับน้ำ และหลังน้ำลดเพียงไม่กี่วัน ก็ต้องลากรถไปอู่ซ่อมอย่างเร่งด่วน เมื่อตรวจสภาพเบื้องต้นพบว่า น้ำเข้าตัวเครื่อง ช่างบอกเพียงว่า ยังซ่อมไม่ได้ ต้องรออะไหล่จากกรุงเทพฯ เลยทำได้เพียงซักเบาะ พรมรถ และดูแลความสะอาดทั่วไปเท่านั้น