รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า บรรยากาศโดยทั่วไปยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เบาบางกว่า 2 - 3 วันที่ผ่านมา แต่น้ำป่าที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน
ซึ่งมีปริมาณมากได้ไหลบ่าทะลักลงมาสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก ส่งผลทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ตลอดแนวของริมตลิ่งในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ ตากใบ สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จำนวนกว่า 1,000 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 180-200 ซม.แล้ว โดยเฉพาะชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก มีสภาวะน้ำท่วมขังหนักสุด อยู่ที่ระดับ 210 ซม. นอกจากนี้บริเวณย่านธุรกิจของอำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งตั้งอยู่ ถ.เจริญเขต ซอย 1 ชาวบ้านใช้เรือยนต์เป็นพาหนะแทนรถยนต์และรถ จยย.แล้ว หากมีกิจธุระที่จะเดินทางไปยังโลกภายนอก
ส่วนแม่น้ำบางนราและแม่น้ำสายบุรี ซึ่งเป็นอีก 2 แม่น้ำสายหลักนั้น ล่าสุดระดับน้ำได้เอ่อล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรแล้ว โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 50-80 ซม. มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จำนวนกว่า 2,500 ครัวเรือน ถนนสายหลักในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมขังจนยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถที่จะแล่นผ่านได้ จำนวนทั้งสิ้นกว่า 159 สาย พื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมขังทั้งสิ้นกว่า 15,289 ไร่ บ่อเลี้ยงปลา กุ้ง ถูกน้ำท่วม 45 แห่ง
โดยศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่มจังหวัดนราธิวาส รายงานว่า ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆได้อพยพชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ จำนวน 5 ชุมชนซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอสุไหงโก-ลก จำนวน 41 ครัวเรือน รวม 224 คน ไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4 แล้ว และหากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมายังหนักถึงหนักมากอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์น้ำท่วมจะขยายวงกว้างทั้ง 13 อำเภอ สถานศึกษาต่างๆรวมทั้งสถานที่ราชการอาจจะต้องหยุดทำการและปิดการเรียนการสอนเป็นการฉุกเฉิน