วันที่ 24 ต.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลิอผู้ประสบอุทกภัย ( ศปภ.) ดอนเมือง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสาเหตุน้ำท่วม กทม.น่าจะมาจากประตูระบายน้ำที่คลองหนึ่ง มีปัญหาด้านเทคนิคที่นำเชี่ยวมากจึงไม่สามารถปิดประตูระบายน้ำได้ ด้านกรมชลประทานใช้วิธีชะลอน้ำในการชะลอน้ำในประตูอื่น สำหรับน้ำที่ล้นเข้ามา
บริเวณอนุสรณ์สถานนั้นเนื่องจากมีปริมาณมากน้ำมากจากคลองระพีพัฒน์และมาจากประตูระบายน้ำคลองหนึ่งและน้ำมาจากหลายช่องทางจริงๆ
ศปภ.มองว่าจุดเสี่ยงพื้นที่ กทม.นั้นอยู่ที่แนวคันพระราชดำริ ตั้งแต่ใต้ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ยาวไปจนถึงเขตสายไหม
ซึ่ง ศปภ.เป็นห่วงว่าน้ำจากประตูระบายน้ำคลองหนึ่งใกล้กับคลองเปรมประชากรมีจำนวนมาก จึงเร่งระบายน้ำไปทางฝั่งตะวันออกทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่เนื่องจากน้ำมาหลายทิศทางจึงได้ระดมกองทัพกว่า 1 พันนายเฝ้าพนังกั้นน้ำตลอด 24 ชม. ก็ต้องขอบคุณในความร่วมมือดังกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของเซียร์ รังสิตได้ติดต่อผู้ว่าฯ ปทุมธานี นำอุปกรณ์และเครื่องมือเข้ามาช่วยทหาร ซึ่งเราจะเร่งทำงานร่วมกันกับทาง กทม. ศปภ.และรัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือกับ กทม.ทุกทางที่ร้องขอ ยืนยันว่าเราทำงานอย่างสุดความสามารถ แต่ยอมรับว่ามีปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวันไม่มีเรื่องที่เราไปปกปิดข้อมูลกับประชาชน
ขณะนี้ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นายเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหา และประชาชนก็ออกมาแล้ว
แต่ไปติดในส่วนของเทคนิคของกรมชลประทานที่ประตูระบายน้ำปิดไม่ได้เพราะน้ำสูงและเชี่ยวมากอาจทำให้ประตูหักพังเสียหาย ซึ่งมอบหมายให้กรมชลประทานหาวิธีเร่งรัดปิดประตูระบายน้ำให้ได้ ขณะเดียวกันก็ได้ เร่งรัดไปทางผู้ว่าฯ กทม.แล้ว เพราะระบบการระบายน้ำต่างๆ มี กทม.เป็นผู้ดูแลซึ่งหลังจากเร่งนรัดไปแล้ว และวันนี้ ได้เชิญผู้ว่าฯ กทม.มาหารือร่วมกันว่าส่วนใดที่ ศปภ.ไปร่วมได้ก็ยินดี กองทัพเองก็ยินดีให้การสนบัสนุนอย่างเต็มที่ เราได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนของการปกป้องส่วนเศรษฐกิจสำคัญ