ผู้ว่าฯ กทม.สั่งดูแล 3 พื้นที่พิเศษ ยันที่ตั้ง ศปภ.ต้องปลอดภัย หากวิกฤตจะประกาศให้เตรียมตัวใน 24 ชม.
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมว่า ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังปริมาณน้ำตลอดเวลา
เพราะขณะนี้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงมากขึ้น ประกอบกับในช่วงนี้จะมีฝนตกลงมา ซึ่งจะทำให้การระบายน้ำของ กทม.มีความล่าช้าจากเดิม 2 เท่า นอกจากนี้ระดับน้ำในคลองต่างๆ ยังมีระดับสูง ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงระดับน้ำที่คลองประปาก็ยังไม่ลด ปริมาณน้ำได้ไหลเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต สายไหมแล้ว รวมถึง กทม.ฝั่งตะวันออก และตะวันตก ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งหากมีสถานการณ์ที่วิกฤตจริงๆ กทม.จะประกาศให้เตรียมตัวใน 24 ชั่วโมง วันนี้ตนได้สั่งการให้ดูแลเป็นพิเศษใน 3 พื้นที่ คือ
1.เขตพระราชฐาน ซึ่งอาจกลายเป็นพื้นที่เสี่ยง จึงสั่งการให้ทบทวนตรวจสอบมาตรการป้องกันน้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่รอบนอกใน 6 เขต ที่มีพื้นที่ติดกับเขตพระราชฐาน
2.กทม.จะเฝ้าระวังสนามบินดอนเมือง เพราะเป็นที่ตั้งของ ศปภ.จะต้องไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อ ศปภ.เป็นศูนย์ดำเนินการป้องกันแก้ไขน้ำท่วมทั้งประเทศ ดังนั้น กทม.ต้องดูแลให้ดีที่สุด ยืนยัน กทม.ไม่ได้ดูแลเฉพาะ กทม.เท่านั้น เพราะถ้า กทม.มีปัญหา ทั่วประเทศก็มีปัญหาไปด้วย เนื่องจาก กทม.เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และเป็นจุดศูนย์กลางของการบริหารประเทศ
และ 3.จะต้องดูแลนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มี 2 นิคมคือ ลาดกระบัง และบางชัน ซึ่งตนจะไปพบกับผู้บริหารทั้งสองแห่งในช่วง 1-2 วันนี้ โดยเบื้องต้นจะเสริมความแข็งแรงของคันกั้นน้ำ รวมถึงความสูงด้วย
ทั้งนี้ขอความร่วมมือกับประชาชนหรือผู้มีจิตอาสาเข้ามาบรรจุทรายเพื่อสร้างเป็นแนวคันกั้นน้ำที่ถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า เขตลาดกระบัง
เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยต้องการผู้มีจิตอาสาจำนวนมาก ซึ่งจะดำเนินการคล้ายกับที่ดำเนินการที่คลองหกวา อย่างไรก็ตาม ในส่วนเขตพระราชฐาน ทางสำนักราชเลขาฯ ไม่ได้สั่งให้ดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ แต่ในส่วน กทม.ก็ต้องเฝ้าระมัดระวัง ซึ่งเที่ยงนี้ตนจะเดินทางไปหารือกับนายกฯ ที่ ศปภ. เพื่อหาแนวทางป้องกันเขตพื้นที่ชั้นในและรอบเขตพระราชฐาน