ปภ.เตือน 5 จังหวัด เฝ้าระวัง หลังเขื่อนป่าสักฯปล่อยน้ำเพิ่ม
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ภัยพิบัติ ปภ.เตือน 5 จังหวัด เฝ้าระวัง หลังเขื่อนป่าสักฯปล่อยน้ำเพิ่ม
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ออกหนังสือ "ด่วนที่สุด" ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้อำนวยการจังหวัด ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และ นนทบุรี ให้เฝ้าระวังสถานการณ์เตรียมรับมือผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
โดยข้อความระบุดังนี้
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่าในช่วงที่ผ่านมาพายุโขนร้อน "เตี้ยนหมู่" และหย่อมความกดอากาศต่ำ เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนาแน่น และเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระหว่างวันที่ 27 ก.ย. - 3 ต.ค. รวมจำนวน 515 ล้านลูกบาศก์เมตร
ซึ่งหากยังคงระบายน้ำในอัตรา 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำเต็มอ่างในวันที่ 30 ก.ย.
ดังนั้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำที่จะไหลลงเขื่อนได้โดยไม่ทำให้น้ำเต็มเขื่อน กรมชลประทานจึงจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนฯ เป็น 3,456 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีโดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
เมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจาก คลองชัยนาท-ป่าสัก แล้ว จะควบคุมให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในอัตราไม่เกิน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหกในชุมชมนอกคันกั้นน้ำบริเวณวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 เมตร โดยระดับน้ำที่สูงขึ้นดังกล่าว จะไม่กระทบกับพื้นที่บริเวณตั้งแต่ท้ายน้ำวัดสะตือ ไปจนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยข้อความระบุดังนี้
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่าในช่วงที่ผ่านมาพายุโขนร้อน "เตี้ยนหมู่" และหย่อมความกดอากาศต่ำ เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนาแน่น และเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระหว่างวันที่ 27 ก.ย. - 3 ต.ค. รวมจำนวน 515 ล้านลูกบาศก์เมตร
ซึ่งหากยังคงระบายน้ำในอัตรา 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำเต็มอ่างในวันที่ 30 ก.ย.
ดังนั้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำที่จะไหลลงเขื่อนได้โดยไม่ทำให้น้ำเต็มเขื่อน กรมชลประทานจึงจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนฯ เป็น 3,456 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีโดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
เมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจาก คลองชัยนาท-ป่าสัก แล้ว จะควบคุมให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในอัตราไม่เกิน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหกในชุมชมนอกคันกั้นน้ำบริเวณวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 เมตร โดยระดับน้ำที่สูงขึ้นดังกล่าว จะไม่กระทบกับพื้นที่บริเวณตั้งแต่ท้ายน้ำวัดสะตือ ไปจนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น