กรมชลฯเฝ้าระวัง! 23 จังหวัด เสี่ยงพื้นที่ขาดแคลนน้ำ!!

อธิบดีกรมชลประทาน เผยวางแผนจัดสรรน้ำอุปโภคบริโภคไว้เพียงพอตลอดฤดูร้อนต่อเนื่องไปจนถึงฤดูฝนเดือน ก.ค.นี้ มั่นใจจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน มีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร 23 จังหวัด 74 อำเภอ เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์แล้ว

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศในช่วงฤดูแล้งปี 2560/2561 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2560 - 30 เม.ย. 2561 โดยสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศปัจจุบัน ณ วันที่ 25 ก.พ. มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 55,873 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 74 ของความจุอ่างรวมกันทั้งหมดมากกว่าปี 2560 รวม 7,993 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นน้ำใช้การได้ 31,953 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 61 ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 17,078 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 69 ของความจุอ่างรวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้ 10,382 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 57

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า ในช่วงฤดูแล้ง ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้วางแผนจัดสรรน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในเขตชลประทานรวม 14,187 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้ง 7,700 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นการใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค 1,140 ล้านลูกบาศก์เมตร รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 1,450 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพื่อการเกษตร 5,110 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลืออีก 6,487 ล้านลูกบาศก์เมตร จะสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนเดือน พ.ค.-ก.ค. 2561 ซึ่งผลการจัดสรรน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาล่าสุดเดือน ก.พ.มีการใช้น้ำไปแล้ว 5,228 ล้านลูกบาศก์เมตร

นายทองเปลว กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง ปัจจุบันเขตพื้นที่ชลประทานยังไม่พบปัญหาการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากกรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคไว้อย่างเพียงพอตลอดในช่วงฤดูร้อนต่อเนื่องไปจนถึงฤดูฝนในเดือน ก.ค.นี้ ทำให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน มีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรจำนวน 23 จังหวัด 74 อำเภอ ซึ่งได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี 2561 โดยให้ทุกโครงการชลประทานทั่วประเทศบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ชลประทาน โดยใช้ระบบชลประทานที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถนำไปช่วยเหลือพื้นที่ที่มีการร้องขอได้ทันที พร้อมมอบหมายเจ้าหน้าที่ให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด