ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมจนถึงวันนี้ ก็ผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว กับสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝนตกหนัก ฟ้าร้อง ลมกรรโชกแรงแทบจะทั่วทุกภาคของประเทศ โดยก่อนหน้านี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการออกประกาศเตือนต่อเนื่องถึง 11 ฉบับ ให้ประชาชนเตรียมรับมือกับพายุและกลุ่มฝนที่กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จนทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนแต่ละเขื่อนช่วงนี้เข้าขั้นวิกฤต อันเนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนสะสมตั้งแต่ต้นฤดู รวมกับอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น TD23w จึงทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ รวมถึงการระบายน้ำในแต่ละเขื่อนเพื่อพร่องน้ำไว้รองรับกับพายุลูกใหม่ จึงมีผลทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนในหลายๆเขื่อน ประสบกับภาวะน้ำล้นตลิ่งและบางพื้นที่เกิดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร
จากภาพกราฟิก สีแดงคือหย่อมความกดอากาศต่ำหลังการสลายตัวของดีเปรสชัน TD23 ของเมื่อวานนี้ (10 ตุลาคม 2560) โดยพายุลูกนี้ก่อตัวในทะเลจีนใต้ ขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามเคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันตกผ่านประเทศลาว และได้ลดกำลังลงเข้าสู่ประเทศไทยตอนบน ก่อนจะผ่านประเทศไทยแล้วสลายตัวไปในที่สุด
ส่วนสาเหตุที่เกิดฝนตกในวันนี้ (11 ตุลาคม 2560) เป็นผลพวงช่วงหางของพายุ ทำให้ประเทศไทยในหลายพื้นที่ยังคงมีฝนอยู่ และในส่วนกราฟิกวงกลมสีเหลือง 2 วงทางขวา คือหย่อมความกดอากาศต่ำเกิดใหม่ 90W และ 98W ที่มีโอกาสพัฒนาเป็นพายุลูกใหม่ในอนาคต
เท่านี้ยังไม่พอ ในช่วงระยะนี้ยังคงต้องจับตาพายุลูกใหม่กันอีกถึง 2 ลูก เบื้องต้นคาดว่าลูกแรกจะก่อตัวในวันพรุ่งนี้ จุดศูนย์กลางในทะเลจีนใต้ มีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นในช่วงวันที่ 14-15 ตุลาคม และมีแนวโน้มขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 15-16 ตุลาคม ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงวันที่ 16-17 ตุลาคมนี้ และถ้าหากพายุดังกล่าวไม่สลายตัวหรืออ่อนกำลังลง คาดว่าอีสานตอนบนจะเจอฝนหนัก
ลูกที่ 2 พบการก่อตัวของพายุไต้ฝุ่นทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ โดยก่อนหน้านี้ทางการฟิลิปินส์ก็ได้มีการเฝ้าระวังและมีประกาศเตือนให้ประชาชนเตรียมรับมือกับพายุในช่วงวันที่ 14-16 ตุลาคมที่จะถึงนี้ แต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และมีการตั้งชื่อพายุลูกนี้ว่า "ขนุน" เบื้องต้นสามารถระบุทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุได้แล้ว พบว่ามีการเคลื่อนเตือนพาดผ่านตอนกลางของฟิลิปินส์ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ลงไปในทะเลจีนใต้และอาจะขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนาม ลาวและไทยในระยะต่อไป หากพายุดังกล่าวไม่อ่อนกำลังลงเสียก่อน
ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาของเวียดนามยืนยันเส้นทางพายุลูกใหม่ลูกแรกแล้วเมื่อวานนี้ คาดว่าจะเข้าถล่มเวียดนามตอนกลาง ในช่วงวันที่ 14-16 ตุลาคมนี้แน่นอน และคาดว่าจะเข้าอีสานตอนใต้ ภาคตะวันออก และกทม.ของประเทศไทยในวันที่ 16-17 ตุลาคมที่จะถึงนี้
ส่วนลูกที่ 2 ยังคงต้องจับตากันต่อไปว่า "พายุขนุน" จะรุนแรงมากขึ้นหรือไม่? มีทิศทางอย่างไร? และมีอิทธิพลต่อประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน? รวมถึงอีกหนึ่งปัจจัยทางด้านความกดอากาศสูง อาจจะทำให้พายุถูกไล่ลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงวันที่16-17ตุลาคม จึงคาดว่าจะทำให้ภาคอีสาน กลางตอนล่าง ตะวันออก ภาคใต้ทุกจังหวัดมีฝนหนัก คลื่นลมทะเลทั้งอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นช่วงวันที่ 14-19 ตุลาคมนี้ สรุปเบื้องต้นคือ ประเทศไทยมีโอกาศเจอพายุลูกใหม่ติดๆกันถึง 2ลูก ในช่วงสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นประเด็นใหญ่ที่ยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด ว่าสถานการณ์จริงจะเป็นไปตามโมเดลนี้หรือไม่ และถ้าหากเป็นจริง ปริมาณฝนที่มาเติมจะเพิ่มปริมาณน้ำในแต่ละเขื่อนมากน้อยเพียงใด เขื่อนทุกเขื่อนที่เร่งระบายน้ำในช่วงนี้ จะเท่าทันต่อเหตุการณ์หรือเปล่า ก็ได้แต่ลุ้นกันหลังจากนี้ว่า หลังศุกร์ 13 ตุลาคมนี้ ภัยพิบัติจะจัดเต็มหรือไม่