วานนี้ (2 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เรียกประชุมชุดสอบสวน เพื่อสรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 หลังพนักงานอัยการส่งสำนวนกลับมาให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา และให้ส่งสำนวนคืนภายใน 3 วัน โดย พล.ต.ต. อนุชัย กล่าวว่า จะมีการเร่งรัดส่งสำนวนให้พนักงานอัยการโดยเร็ว คาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้น่าจะพร้อมส่งสำนวน โดยสำนวนที่ผ่านมา ในขอบเขตของอำนาจพนักงานสอบสวน พิจารณาแล้วไม่มีอะไรบกพร่อง แต่ในมุมมองของพนักงานอัยการอาจจะขอให้เสริมอะไรบางอย่าง เพื่อให้สำนวนนั้นพร้อมมากยิ่งขึ้นมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษผู้กระทำผิดได้
ส่วนกรณีการรวบรวมผลสรุปความคิดเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ไว้ในสำนวนด้วยหรือไม่นั้น
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ดูตามกฎหมายโดยว่าตามพยานหลักฐานตาม ป.วิอาญา ให้อำนาจ ตามที่ กสม. ตั้งข้อสังเกตไว้เราก็รับไว้พิจารณา แต่ว่าในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต้องเป็นไปตาม ป.วิอาญา ส่วนที่พนักงานอัยการให้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้าง คงเปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นความลับของสำนวนการสอบสวน แต่ขอให้รอเวลาไม่นาน ถ้าคดีนี้อยู่ในชั้นพิจารณาศาลแล้ว จะเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและเปิดเผย สามารถตอบคำถามได้ทุกส่วน
อีกด้าน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีดำ อ.2001/56
ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 53 ปี อดีตนักธุรกิจการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ (เสียชีวิต) กับพวกอีก 2 คน คือ นายก้องการุณ ศรีประสาน อายุ 32 ปี อาชีพค้าขาย และนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย, เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.55 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายบท โดยนายเอกยุทธ จำเลยที่ 1 ได้ยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 2-3 ทำร้ายร่างกายใช้มือตบศีรษะ ชกต่อยที่บริเวณใบหน้า ใช้เท้าถีบลำตัว ล็อกคอ และลากตัวนายจตุพล มังกรทอง รองผู้จัดการ ร้านคาราโอเกะ ซิตี้ ย่านถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงและเขตลาดพร้าว นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 ได้ขว้างขวดน้ำอัดลมใส่ประตูกระจกห้องพนักงานเก็บเงิน จนเศษกระจกกระเด็นบาดหน้าแข้งซ้ายของ น.ส.เฟื่องฟ้า กันทมูล แคชเชียร์ ได้รับบาดเจ็บ และจำเลยที่ี 3 ได้ทำร้ายร่างกายใช้มือผลักกระแทกใบหน้า น.ส.จุฬา เครือวัลย์ ผู้จัดการร้าน
ส่วนนายเอกยุทธ จำเลยที่ 1 ยังได้ทำลายเอกสารบันทึกการขายหรือใบสลิปชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 34,895บาท ที่จำเลยที่ 1
ชำระด้วยบัตรเครดิต ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยการขยำทิ้งลงในบ่อน้ำของร้าน ทั้งนี้จำเลยที่ 2 และ 3 ยังได้พกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาด ไม่มีหมายเลขทะเบียน อันเป็นอาวุธตามกฎหมายติดตัวไปในเมือง โดยไม่มีเหตุอันควร ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยที่ 2–3 ฟังแล้วสอบถาม ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธสู้คดี ส่วนนายเอกยุทธ จำเลยที่ 1 ศาลได้จำหน่ายคดีออกจากศาลระบบความ เนื่องจากเสียชีวิตแล้ว โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 11 พ.ย. โดยพนักงานอัยการนำสืบพยาน 15 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลยนำพยานสืบหักล้าง รวม 9 ปาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้ได้เข้าไปสอบถามนายสันติภาพ ถึงประเด็นที่ทางนายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความนายเอกยุทธ
ได้ส่ง น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทีมทนายความเข้าพบระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายสันติภาพ กล่าวว่า มีทนายความผู้หญิงมาพบจริง แต่จำชื่อไม่ได้ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบปากคำเพิ่มเติม และตอนนี้ยังขอยืนยันคำให้การเดิม ส่วนกรณีที่ น.ส.อัจฉรา ระบุว่า ตนเองสารภาพว่า ฮาร์ดดิสก์ กล้องวงจรปิด ได้เอาไปฝังดินไว้ ไม่ขอพูดถึง แต่ขอให้ผู้สื่อข่าวไปสืบข้อเท็จจริงเอาว่า เคยร่วมงานกับนายสมชาย จิตปรีดากร ส่วนกรณีถูกเบี้ยวค่าจ้าง 3 ล้านบาทนั้น นายสันติภาพ บ่ายเบี่ยงอ้างว่า ถึงเวลาจะรู้เอง ทั้งนี้คดีหากขึ้นสู่ศาลแล้วจะรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือสังหารนายเอกยุทธหรือจะปฏิเสธต้องขอดูอีกที ทุกวันนี้อยู่ในเรือนจำจะมีแต่พ่อแม่มาเยี่ยม ส่วนการต่อสู้คดี ได้มีการจ้างทนายความไว้แล้ว โดยออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่มีใครมาช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากนั้น น.ส.อัจฉรา ทีมทนายความนายสุวัตร ได้เข้ามาพูดคุยกับนายสันติภาพ ราว 15 นาที เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถาม น.ส.อัจฉรา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ให้สอบถามนายสุวัตรเอง อ้างว่าตอนนี้นายสันติภาพไว้ใจตนเองอยู่ แต่ไม่ไว้ใจตำรวจ.
“บอล” ทีมฆ่า “เอกยุทธ” ส่อพลิกลิ้น
“ทนาย” เผยผู้ต้องหาไม่ไว้ใจตร. “บอล” อุบไต๋ คดีอุ้มฆ่า ไม่ฟันธงขึ้นศาลจะรับสารภาพ