ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ
กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการติดตามตัวอดีตพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ กลับมาดำเนินคดีว่า หารือร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ และมีมติให้แยกสำนวนคดีความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ออกจากคดีอื่นๆ เพื่อสอบสวนและเตรียมสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการก่อน เพื่อให้สามารถเริ่มต้นกระบวนการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้
"ที่ผ่านมาดีเอสไอเดินหน้าเพียงการผลักดันกลับประเทศ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระดับต่ำ แต่หลังจากนี้จะเพิ่มความร่วมมือระดับสูงสุดคือการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตามขั้นตอนจะทำได้เมื่อมีการสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการแล้ว" นายธาริตกล่าว
นายธาริตกล่าวต่อว่า ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกนายสุริ สุขผล น้องชายอดีตเณรคำ เข้าให้ปากคำภายใน 7 วันนับจากนี้
โดยเป็นการออกหมายเรียกเข้าให้ปากคำครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่เดินทางเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกจะถูกดำเนินคดีฐานขัดขืนหมายเรียก เจ้าพนักงานทันที นอกจากการให้ปากคำแล้วดีเอสไอจะขอตรวจดีเอ็นเอด้วย หากนายสุริ ไม่ให้ตรวจดีเอ็นเอก็จะสรุปข้อเท็จจริงดังกล่าวเข้าไปในสำนวนคดี และเมื่อพ้นกำหนด 7 วันในวันที่ 26 ส.ค.นี้ สัปดาห์หน้าดีเอสไอจะสรุปสำนวนคดีล่วงละเมิดทางเพศส่งให้อัยการเป็นคดีแรก พร้อมแนบคำร้องให้อัยการสั่งคดีโดยเร็วเพื่อให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.
กล่าวถึงการติดตามทรัพย์สินของอดีตพระเณรคำและคนใกล้ชิด ว่า ปปง. ยังติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงินของอดีตเณรคำ จากที่ยึดอายัดทรัพย์ไว้ 10-20 ล้านบาท โดยข้อมูลมีความคืบหน้า แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะทรัพย์อาจถูกยักย้ายถ่ายเท ซึ่ง ปปง.ได้ประสานกับ ปปง.ของประเทศสหรัฐอเมริกา และ ปปง.สากล ในการติดตามทรัพย์สินของอดีตเณรคำ โดยเฉพาะทรัพย์สินในประเทศสหรัฐ ส่วนทรัพย์สินอดีตเณรคำ ใน สปป.ลาวอยู่ระหว่างประสานงานและดำเนินการ