14 ส.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญาว่า นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อดีตนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยกรณีไอ้บอล หรือนายสันติภาพ เพ็งด้วง ผู้ต้องหาร่วมกับพวกฆาตกรรมชิงทรัพย์นายเอกยุทธว่า ที่ผ่านมานั้นได้ตั้งข้อสังเกต 13 ข้อไปยัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และคณะพนักงานสอบสวนว่า คดีไม่น่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เพราะคนร้ายเอาทรัพย์สินไปทิ้งและเอาฮาร์ดดิสกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปทำไม ต่อมาญาติไปร้องคณะกรรมการสิทธิฯ ซึ่งทาง กสม.ขอให้พาไปดูที่เกิดเหตุเมื่อปลายเดือน ก.ค. 56 มีการดูดน้ำจากหลุมทำให้รู้ว่าหลุมไม่ลึก และ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ได้เก็บหลักฐานแวดล้อมไปหลายรายการ
“ต่อมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคมผมได้รับการติดต่อจากไอ้บอล ผ่านทางญาตินักโทษในเรือนจำขอให้ไปพบ ผมก็ได้ส่งทีมทนายไปพบ ไอ้บอลก็รับสารภาพผ่านทนายความว่าตัวไอ้บอลไม่ได้ฆ่า แต่เป็นการลงมือของคนมีสี คือมีการลงมือ 3 ครั้ง ใน 2 ครั้งแรกไอ้บอลลงมือแต่ไม่สำเร็จ และครั้งที่สาม คนจ้างวานจึงให้ทีมคนมีสีลงมือ มีค่าจ้าง 3 ล้านบาท ส่วนแบ่งไอ้บอลระดับแสน มีหน้าที่รับส่งพาไปทิ้งศพ จนงานสำเร็จในครั้งที่ 3 แต่ไอ้บอลก็ถูกเบี้ยวค่าจ้าง เลยรับสารภาพ”
นายสุวัตร กล่าวต่อไปว่า เมื่อสรุปว่าไอ้บอลไม่ได้ฆ่า แต่เป็นคนมีสี ตรงกับที่คณะกรรมการสิทธิฯ และตนเองให้ข้อสังเกตไว้
เพราะดูจากท่าล็อกคอ อุดจมูก จนนายเอกยุทธดิ้นเฮือกสุดท้ายเหล่านี้เป็นวิธีฆ่าด้วยท่าพิเศษ แต่จะไม่เดินหน้าเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะยิ่งขุดคุ้ยไป ทางญาติก็บอกให้เลิก เพราะญาติกลัวหัวหด ตนเองก็ถูกขู่ฆ่ารายวัน ซ้ำค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าทนาย ก็ไม่ได้จากญาติ เหมือนเขาไม่อยากให้ทำ จึงขอประกาศเลิกยุ่งเกี่ยวกับคดีฆ่านายเอกยุทธ ยกเว้นคดีความเดิมที่นายเอกยุทธจ้างไว้ก็จะว่าความต่อ
“ผมทราบมาจากสายว่ามีคนร้ายเป็นกลุ่มที่ฆ่านายเอกยุทธ จะดักฆ่าผมที่ถนนแห่งหนึ่งโดยใช้รถบรรทุกทรายสองคันวิ่งประกบหน้าหลังแล้ว อัดก๊อบปี้ ผมก็กลัวตายเหมือนกัน แถมยิ่งขุดคุ้ย ทางญาติบางคนก็ตำหนิผมว่าทำไมไม่ให้เรื่องจบ ผมก็ขอประกาศตรงนี้ว่าคดีเอกยุทธ ผมจบแล้ว”