หลังจากโรงเรียนเทศบาลบ้านกล้วย อำเภอเมืองชัยนาทได้แชร์พฤติกรรมจัดทัวร์หลอกลวงครู 41 คนไปลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พร้อมสูญเงินกว่า 7 แสนบาท ของสาวแสบในเฟซบุ๊กอย่างแพร่หลายในอินเตอร์เน็ตของนางสาวกันยารัตน์ ด่านพิชิตศึก อายุ 35 ปีอยู่บ้านเลขที่ 256 ม.4 ต.ท่าชัย อ.เมืองชัยนาท เจ้าของบริษัทน้องเติ้ลทัวร์ จำกัด ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ 21 ม.4 ต.ท่าชัย อ.เมืองชัยนาท ทำให้ทราบว่ามีผู้ที่ถูกหลอกลวงในทำนองเดียวกันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัว ล่าสุดมีครูจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหันคา เปิดเผยตัวว่า ได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้สาวคนเดียวกันนี้กว่า 2 แสนบาท
นางกัสมาพร บัวภิบาล อายุ 52 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลตำบลบ้านกล้วย อ.เมืองชัยนาท เล่าว่า
โรงเรียนคิดจะจัดทัวร์ต่างประเทศ จึงหาว่าผู้ที่จัดทัวร์ไปต่างประเทศมีที่ไหนบ้าง ได้มอง บอนด์สตรีททัวร์ และให้ครูท่านอื่นช่วยหาหลายบริษัท แต่บอนด์สตรีททัวร์ราคาสูง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น เราจึงมาดูว่าเราเคยจัดทัวร์กับน้องเติ้ลอยู่ เป็นทัวร์ในประเทศ และเขาดูแลลูกทัวร์ดีมาก ใช้บริการ 2 ครั้ง จึงเรียกน้องเติ้ลมาคุยว่าสามารถจัดทัวร์ต่างประเทศได้หรือไม่ ปรากฏว่าเขาได้พิมพ์เอกสารมานำเสนอทันที ตอนแรกยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะราคาที่เสนอแพงพอควร เหมือนเขาดูราคาทัวร์ที่อื่นๆด้วย จึงมีการต่อรองกันว่าไปกัน 30 คน จะลดราคาได้ได้หรือไม่ จากราคารายละกว่า 2 หมื่น เขาลดให้เหลือ 17,300 บาทต่อคน
โดยครั้งนี้ไปทัวร์ประเทศสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน ราคานี้ถือว่าราคาถูกกว่าทัวร์อื่นๆ ด้วยความไว้วางใจกันว่าเคยจัดทัวร์กับเรามา 2 ครั้ง
ครั้งแรกไปจังหวัดมุกดาหาร และครั้งที่สองไปจังหวัดภูเก็ต การดูแลดี จึงมีความมั่นใจว่าถ้าไปต่างประเทศน่าจะดูแลเราดีเหมือนไปในประเทศ และมีเรื่องการันตีอีกเรื่องคือ มีครูของเราเคยไปทัวร์ต่างประเทศกับเขา แสดงว่าเขาสามารถจัดทัวร์ต่างประเทศได้ จากนั้นได้เรียกมาทำสัญญา เราได้ต่อรองอีกว่าในราคา 17,300 บาท ขอให้แถมกระเป๋าด้วย น้องเติ้ลก็ใจดีแถมให้อีก ไม่ได้คิดอะไร พอถึงวันทำสัญญา เรียกเงินไปจำนวน 2 แสนกว่าบาท เหมือนว่าเรียกร้องเงินส่วนหนึ่งเป็นค่ามัดจำว่าเราจะไม่เบี้ยวกัน เราได้ยินยอมให้ไป
แชร์ว่อนเน็ต!! สาวแสบนักตุ๋นจัดทัวร์ หลอกครูหลายร.ร. สูญเงินกว่าล้านบาท
หลังจากนั้นไม่นาน ในสัญญามีระบุว่าก่อนวันเดินทาง 15 วัน เราต้องมอบเงินทั้งหมดที่เหลือให้เขา เป็นเงินอีกเกือบ 4 แสนบาท
ทางเราก็ยังเชื่อใจเขาอยู่ เพราะเขานำกระเป๋ามาให้เราปกติ และวันที่เราเรียกให้เขามาร่วมประชุมกับครู พร้อมทีมที่จะเดินทาง 41 คน เขาก็มาร่วมประชุมด้วย ก็ยังมีความมั่นใจว่าเขาไม่หลอกแน่ และยังโทรศัพท์ไปยืนยังอีกครั้งว่าไม่ใช่ทัวร์ติ๊งต๊องนะ ต้องไปกับเราอย่าปล่อยเราลอยแพนะ เขาก็ได้สัญญาเป็นมั่นเป็นเป็นเหมาะว่าจะไปด้วย ทำให้เราเชื่อใจ หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อ จนกระทั่งวันอาทิตย์ 21 ก.ค.56 เวลา 04.00 น. ได้นัดไว้ว่าจะมีรถมารับเรา และนัดลูกทัวร์มารับเราเวลา 09.00 น.ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พอถึงเวลารถมารับน้องเติ้ลไม่มา ให้คนขับรถมารับ แต่ก็คิดว่าเขาคงไปบริหารจัดการอะไรที่สนามบินจึงมารับไม่ได้
แต่เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มเคว้ง 07.00 น.แล้ว ปกติต้องมีคณะทัวร์มารับเราแล้ว จึงเริ่มโทรศัพท์หาเขา
ลูกของน้องเติ้ลเรียนกับเราสองคน อยู่ ป.5 และ ป.2 ครูประจำชั้นจะมีเบอร์เขาด้วย ก็ช่วยกันโทร ปรากฏว่าโทรไปก็ตัดสาย โทรติดแต่ไม่รับสาย โทรไปที่บ้านไม่มีคนรับ เริ่มสงสัยแล้วว่าจะถูกหลอก แต่ก็ยังคิดว่ายังไม่ถึงเวลานัด 09.00 น. เราไปกันทั้งหมด 41 คน พอถึงเวลา 09.00 น. เริ่มใจไม่ดีแล้ว ขณะนั้นมีผู้แทนจากสายการบินมาสอบถามว่าใช่ทัวร์ของน้องเติ้ลหรือไม่ เราก็บอกว่าใช่ ทางสายการที่น้องเติ้ลซื้อทัวร์ไว้ได้บอกว่าติดต่อน้องเติ้ลไม่ได้เลย ซึ่งได้ทำสัญญากับสายการบินแล้วจ่ายเงินไว้เพียงงวดเดียว งวดสุดท้ายยังไม่ได้จ่าย ทางสายการบินได้ยืนยันว่าเราถูกน้องเติ้ลหลอกแน่นอน
เขาได้มีทางเลือกให้เรา 2 ทาง คือ กลับบ้าน หรือ ไปต่อ แต่อาจถูกลอยแพที่สิงคโปร์ และอาจไม่มีไกด์มารับ
และต้องจ่ายค่าเครื่องบินที่น้องเติ้ลยังไม่ได้จ่ายทั้งหมดด้วย ถึงอย่างไรเราก็ไปกับเขาไม่ได้เพราะไม่มีพาสปอร์ต น้องเติ้ลได้เก็บพาสปอร์ตเราทั้งหมดไปตั้งแต่มารับเงินงวดสุดท้ายแล้ว ล่าสุด 24 ก.ค.56 ลูกน้องเติ้ลทั้งสองคนไม่มาเรียน และสอบถามย้อนไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่าผู้ปกครองมารับกลับบ้านก่อนเวลาเลิกเรียน
สำหรับยอดเงินที่จ่ายให้น้องเติ้ล กว่า 7 แสนบาท เราจึงเริ่มแชร์พฤติกรรมของน้องเติ้ลในเฟซบุ๊ก ให้เพื่อนๆได้รับทราบ
จากนั้นไม่นานทำให้เราทราบว่านอกจากทัวร์ของเราถูกหลอกแล้ว ยังมีโรงเรียนอื่นถูกหลอกเช่นเดียวกัน แต่เขาอายๆไม่กล้าเปิดเผย จะเดินทางไปประเทศพม่าในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งได้ทำสัญญาจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้วกว่า 2.25 แสนบาท และยังมีธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาทก็ถูกหลอกเช่นเดียวกันแต่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน หลังเราแชร์ในเฟซบุ๊กแล้ว หลายคนช่วยกันทำให้ทราบพฤติกรรมที่ไปทำกับรายอื่นๆ ด้วย และรถทัวร์ที่เหมาไปส่งสนามบินถูกโกงค่ารถอีก 14,000 บาท หลังจากทราบว่าถูกหลองแล้วได้ติดต่อตำรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจไม่รับแจ้งความเพราะเหตุเกิดที่ชัยนาท หรือไม่ก็ไปที่กองปราบฯ หลังจากคุยกันแล้วถ้าไปกองปราบฯกว่าจะสอบสวนแต่ละคนคงไม่ได้กลับบ้านแน่ จึงให้รถที่เหมาไปมารับเราส่งกลับชัยนาทแล้วไปแจ้งความประมาณ 19.00 น.
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งออกหมายเรียก โดยศาลจังหวัดชัยนาท หากไม่มาพบเจ้าหน้าที่ 2 ครั้ง จะออกหมายจับทันที อย่างไรก็ตาม หากนางสาวกันยารัตน์ ด่านพิชิตศึก กลับมาเคลียร์พร้อมจ่ายเงินคืนให้กับทางโรงเรียนทั้งหมด ทางโรงเรียนยินดีถอนแจ้งความให้
ด้านผอ.โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งในอำเภอหันคา ที่ถูกทัวร์น้องเติ้ลหลอกเก็บเงินล่วงหน้าค่าทัวร์ประเทศพม่าไปกว่า 2 แสนบาท
กล่าวขณะเข้ามาปรึกษาหารือกับ นางกัสมาพร ผอ.โรงเรียนเทศบาลบ้านกล้วย ว่า ได้ใช้บริการน้องเติ้ลทัวร์ โดยทำสัญญาจะเดินทางไปทัวร์ประเทศพม่า ในเดือนกันยายน 3 วัน 2 คืน คนละ 11,000 บาท มีผู้สนใจร่วมเดินทางไปด้วยกว่า 50 คน ได้จ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้วคนละ 5 พันบาท เป็นเงิน 225,000 บาท โดยจ่าย 2 ครั้ง ครั้งแรก 7 หมื่น ครั้งที่ 2 จำนวน 150,000 บาท ปกติทัวร์ทั่วไปราคา กว่า 2 หมื่น บาท เราเห็นว่าราคาถูกไปเครื่องบินด้วย แต่เขาหายตัวไปแล้วคงไม่มีใครพาทัวร์ แต่หากไปแจ้งความตำรวจคงไม่รับแจ้ง เพราะยังไม่ถึงเวลาวันเดินทาง เราได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อหางน้องเติ้ลแต่ติดต่อไม่ได้แล้ว เบื้องต้นหลังทราบว่าทางโรงเรียนเทศบาลบ้านกล้วยถูกลอยแพแล้ว ได้พูดคุยกับครูที่ได้จ่ายเงินไปแล้ว ว่าจะหาเงินมาคืนให้กับครูน้อยก่อน ส่วนระดับผู้บริหารจะได้ปรึกษาหารือกันอีกครั้ง วันที่เขามาขอรับเงินล่วงหน้าได้อ้างว่าช้าไม่ได้จะไม่ทันสนามบินและจะหมดโปรโมชั่น กำหนดเดินทางวันที่ 19 กันยายน 2556
ทางด้าน นางกัสมาพร กล่าวอีกว่า จากการประสานไปทาง ญาติ (พี่ชาย และพี่สาว) ได้รับทราบข้อมูลว่าไม่สามารถติดต่อกับน้องได้
ซึ่งมีพฤติกรรมหลอกลวงลูกทัวร์หลายครั้ง และได้เคยช่วยเหลือแล้ว แต่ยังไม่หยุดการกระทำจึงขอให้เป็นเรื่องของกฎหมาย เมื่อตรวจสอบประวัติจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ของนางสาวกันยารัตน์และบริษัท น้องเติ้ลทัวร์ จำกัด พบว่าเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักษณะคล้ายกันเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2556 ซึ่งในครั้งนั้นนางสาวกันยารัตน์ ยินยอมนำเงินมาจ่ายให้คู่กรณี เพื่อให้ถอนแจ้งความ
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไป ตรวจสอบที่บ้านของน้องเติ้ลที่เป็นบ้านเช่าและใช้เป็นสำนักงานน้องเติ้ลทัวร์ ที่ตำบลท่าชัย อำเภอเมืองชัยนาท ปรากฏว่าปิดบ้านเงียบ สอบถามบ้านใกล้เคียงทราบว่าปิดบ้านแล้วหายตัวไปหลายวันแล้วพร้อมลูกและสามี