รับแจ้งจากนายสันทาน กันโต ผู้จัดการธนาคารว่าเกิดเหตุคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกบุกเข้ามาใช้อาวุธปืนจี้พนักงานภายในธนาคารกสิกรไทยสาขากำแพงแสน ริมถนนมาลัยแมน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้เงินสดไปจำนวนมาก แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรืออันตราย ขณะนี้คนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว หลังรับแจ้งแล้วจึงประสานห้องวิทยุเพื่อสกัดจับกุมคนร้าย พร้อมกับรายงานให้พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สมบัติ อ่อนสมบูรณ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน พ.ต.ท.เด่นชัย อินทร์จักร รอง ผกก.ป. พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล ผกก.กสส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รอง ผกก.กสส. พร้อมชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม ชุดสืบสวนสภ.กำแพงแสน ร่วมเดินทางไปตรวจ
ติดกับประตูเข้าออก 5 เมตร เผยว่าขณะที่กำลังบริการลูกค้าอยู่นั้นได้มีชายหนุ่มสวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า กางเกงสีดำ สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ พร้อมกับหนีบถุงสีดำไว้ที่แขน เดินเข้ามาที่โต๊ะของตน เมื่อตนเห็นจึงบอกว่าให้ถอดหมวกเพราะเป็นระเบียบของธนาคาร แต่ชายคนร้ายได้เดินเข้าพร้อมกับชักอาวุธปืนออกมาจากเอว แล้วขู่ว่าให้นำเงินมาให้หมด ตนตกใจจึงเดินลุกออกจากโต๊ะ จากนั้นคนร้ายเห็นว่าลิ้นชักเปิดอ้าอยู่ จึงเข้ามาหยิบเงินไปทันที ซึ่งในลิ้นชักมีเงินสด 3 แสนบาท
ซึ่งทำธุรกรรมเกี่ยวกับการเบิกถอนซึ่งที่เคาว์เตอร์ที่ 3 นั้นมีนายคำนวณ เชียวหุน พนักงานนั่งอยู่ ถูกคนร้ายเอาปืนจ่อแล้วข่มขู่ว่าให้ส่งเงินมาให้ ด้วยความกลัวจึงต้องส่งให้ อีกกว่า 3 แสน รวม 6 แสน จากนั้นคนร้ายได้นำเงินยัดใส่ในถุง พร้อมกับเล็งปืนไปที่พนักงาน แล้วพูดว่าห้ามตามมาหรือแจ้งตำรวจ ไม่เช่นนั้นจะยิงให้หมด หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีขึ้นรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับหลบหนีไปมุ่งหน้าเข้า นครปฐม จึงรีบแจ้ง ตร.ให้สกัดจับคนร้าย แต่ก็ไร้วี่แวว เจ้าหน้าที่ได้เช็คภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ ปรากฏว่ามีเพียงกล้องเดียวที่สามารถจับภาพคนร้ายได้ คือภาพที่เดินเข้าธนาคาร และเดินออกจากธนาคารเท่านั้น
หลังเกิดเหตุธนาคารต้องปิดการทำธุรกรรมไว้ชั่วคราว พร้อมแจ้งกองวิทยาการ ภาค 7 มาตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย ขณะนี้ได้สั่งให้ ตร.บูรณาการออกสืบสวนหาข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เพื่อดำเนินการจับกุมตัวให้ได้โดยเร็ว