ป้ายสีทหาร ยิงถล่มปอเนาะ ตาย 2 เจ็บ 8

"เหตุการณ์รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ"


พื้นที่ชายแดนภาคใต้ใกล้สู่ดินแดนกลียุค เหตุการณ์ รุนแรงปะทุหนักทุกวัน ทั้งยิงถล่มรถตู้จ่อยิงผู้โดยสารตายอย่างเหี้ยมโหด 8 ศพ ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ตามด้วยฆ่าตัดคอชาวไทยพุทธ เผาบ้านรวมทั้งการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทั้งชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิมอย่างทารุณ ถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิว 2 อำเภอใน จ.ยะลา ขณะที่รัฐบาลยังเดินหน้าใช้นโยบายสมานฉันท์แก้ปัญหาทั้งที่กลุ่มโจรไม่เคยสนคำว่า สมานฉันท์ ล่าสุดสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึงกับมีพระราชเสาวนีย์ผ่าน พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ ทรงแนะให้ชาวบ้านติดอาวุธไว้ป้องกันตัวเพื่อความปลอดภัยนั้น

ถล่มปอเนาะตาย 2 เจ็บ 8

เหตุความรุนแรงรายวันเดือดระอุอีกระลอก โดยเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 17 มี.ค. กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงถล่มโรงเรียนปอเนาะบำรุงศาสตร์วิทยา บ้านควนหลัน หมู่ 2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ห่ากระสุนพุ่งเจาะตามอาคารและที่พักของนักเรียนปอเนาะเสียงดังหูดับตับไหม้ เสียหายหลายแห่ง นอกจากนี้กระสุนยังยิงถูกเด็กนักเรียนล้มระเนนระนาด คราบเลือดไหลเปรอะเต็มพื้นหน้าปอเนาะ เหยื่อผู้เคราะห์ ร้ายส่งเสียงร้องระงมด้วยความเจ็บปวด หลังสิ้นเสียงปืนปรากฏว่ามีเด็กนักเรียนถูกยิงเข้าตามลำตัวเสียชีวิตคาที่ 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 8 คน

เหยื่อเป็นนักเรียนปอเนาะ

สำหรับผู้เสียชีวิต 2 ศพ ชื่อ ด.ช.รอยา ปาซอ อายุ 12 ปี อยู่หมู่ 6 บ้านปาแก ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา กับ ด.ช.การียา สุหลง อายุ 14 ปี อยู่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทั้งสองเรียนอยู่ปอเนาะที่เกิดเหตุ ส่วนผู้บาดเจ็บ 8 คน ประกอบด้วย 1. นายอับดุลเลาะตอเละ สาและ อายุ 16 ปี ถูกยิงที่ชายโครงขวา 2. นายดลเลาะ มะเบาะ อายุ 17 ปี ถูกยิงที่น่องและสะโพกขวา 3. ด.ช.รอสาลี มะแอ อายุ 14 ปี ถูกยิงที่เข่าขวา 4. ด.ช.คำภีร์ อาแว อายุ 13 ปี ถูกยิงที่ข้อเท้าซ้าย 5. นายมะมันโร โอล่า อายุ 17 ปี ถูกยิงที่เข่าซ้าย 6. นายรอแม ยีดาเร็ง อายุ 17 ปี ถูกยิงที่ส้นเท้าซ้าย 7. นายสุกรี มูดอ อายุ 15 ปี ถูกยิงข้อศอกซ้าย และ 8. นายซัลกีฟรี สาแม อายุ 17 ปี ถูกยิงลำตัวอาการสาหัสนำส่ง รพ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเหยื่อกระสุนทั้งหมดเพิ่งกลับไปทำละหมาดที่บ้านตะโหนด อ.สะบ้าย้อย พอเดินทางมาถึงปอเนาะถูกกลุ่มคนร้ายคาดว่าซุ่มดักรออยู่กราดปืนยิงถล่ม เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือแนวร่วมโจรสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างชาวไทยพุทธกับไทยมุสลิม

ปลุกม็อบป้ายสีฝีมือ จนท.

ต่อมาเช้าวันที่ 18 มี.ค. ได้มีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย และพื้นที่ใกล้เคียงหลายร้อยคนชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าปอ ร.ร.ปอเนาะบำรุงศาสตร์วิทยา เนื่องจากมีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไปปลุกระดมและปล่อยข่าวว่าเหตุยิงถล่มปอเนาะเป็นฝีมือการกระทำของเจ้าหน้าที่ ภายหลัง พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์ วาสะศิริ ผกก. สภ.อ.สะบ้าย้อย สั่งระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับทหาร เข้าบล็อกเส้นทางทุกสายที่มุ่งสู่ ร.ร.ปอเนาะบำรุงศาสตร์วิทยา โดยใช้ลวดหนามปิดเส้นทางทุกสาย ตรวจค้นรถทุกคันที่มีประชาชนโดยสารจำนวนมาก เพื่อป้องกันเข้าไปรวมตัวชุมนุม แต่มีชาวบ้านบางกลุ่มแอบเดินเท้าลัดเลาะไปตามป่าสวนยางเข้าร่วมชุมนุมจนได้

ปาก้อนหินใส่ตำรวจกระเจิง


ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.อ. สะบ้าย้อย พร้อมกำลังและเจ้าหน้าที่วิทยาการเดินทางไปตรวจสอบปอเนาะที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่ปรากฏว่าถูกกลุ่มแกนนำผู้ก่อความไม่สงบขัดขวางตลอดเส้นทาง ตั้งแต่โรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ขว้างถนนจำนวนมาก ต้องประสานกำลังหลายหน่วยเข้าเคลียร์เส้นทางจนสามารถเดินทางเข้าไปได้ แต่พอไปถึงที่หมายต้องชะงัก เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านมีทั้งผู้หญิง เด็ก และชายฉกรรจ์หลายร้อยคน แสดงความไม่พอใจโดยกล่าวหาเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ ขณะที่ พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์พยายามเจรจาและชี้แจง แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนขับไล่ ขว้างปาก้อนหิน ขวดน้ำใส่อย่างบ้าคลั่งจนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายนาย จนต้องถอนกำลังกลับทันที โดยมี พ.ต.ท.ธันญกรณ์ เลาหโชติ หน.บก.ฉก.4 นำ ตชด.413 ซึ่งตั้งฐานอยู่ห่างจากปอเนาะราว 2 กม.คอยเฝ้าสังเกตการณ์

เสริมกำลังตรึงพื้นที่เดือด

ขณะเดียวกันชุดลาดตระเวนทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย และ อ.เทพา จ.สงขลา ได้เสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่อีกกว่า 300 คน เพื่อตรึงพื้นที่ทุกจุด ทุกเส้นทาง เนื่องจากมีรายงานว่ากลุ่มก่อความไม่สงบมีการเคลื่อนไหวตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อปลุกระดมชาวบ้านให้ออกมาร่วมชุมนุมประท้วงให้มากขึ้น และจะมีการก่อเหตุในพื้นที่ ขณะที่ พ.ต.อ.สุวิช สว่างวงศ์ ผกก. ตชด.43 สั่งกระจายกำลังคุมเข้มอีกชั้นหนึ่ง

หารือเครียดแก้สถานการณ์

กระทั่งเวลา 11.30 น. ที่ว่าการอำเภอสะบ้าย้อย นายสนธิ เตชานันท์ ผวจ.สงขลา พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จ.สงขลา นายปรีชา ดำเกิงเกียรติ นอภ.สะบ้าย้อย พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.อ.สะบ้าย้อย นายอาศีส พิทักษ์คุมพล ประธานกรรมการอิสลามจังหวัดสงขลา ได้ประชุมด่วนเพื่อหาแนวทางคลี่คลายสถานการณ์ กระทั่งในการประชุมมีมติให้ส่งตัวแทนของคณะกรรมการอิสลามจังหวัดสงขลาเข้าไปเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม

พ่อเมืองแจงม็อบเดือดต้าน

ต่อมานายสนธิ เตชานันท์ ผวจ.สงขลา พร้อมคณะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุได้ตั้งแต่เกิดเหตุ เพราะมีประชาชนชุมนุมต่อต้านจำนวนมาก อีกทั้งไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม แถมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ขัดขวางทุกวิถีทาง ทั้งโรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ขวางถนน แถมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปถึงที่หมายยังถูกขว้างปาด้วยของแข็งจนบาดเจ็บหลายนาย ส่วนข้อกล่าวหาที่กลุ่มม็อบอ้างว่าเหตุยิงถล่มปอเนาะเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่นั้น ยังระบุไม่ได้ เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุได้ ในเบื้องต้นจากการที่ได้พูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมบางคน ทราบเพียงว่าจะทำพิธีฝังศพผู้เสียชีวิตก่อนแล้วจะมีการเจรจาอีกครั้ง

สั่งรวมพลเข้าสลายม็อบ


ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ. จ.สงขลา ระดมกำลังตำรวจหน่วยปราบจลาจล ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด 100 นาย รวมทั้งประสานไปยังทหารพรานหญิงรวมตัวกันที่หน้าที่ว่าการอำเภอสะบ้าย้อย เตรียมพร้อมเข้าสลายม็อบ ส่วนหน่วยข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า สำหรับโรงเรียนปอเนาะบำรุงศาสตร์วิทยา ตั้งอยู่ในพื้นที่สีแดง มีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเคลื่อนไหวจำนวนมาก อีกทั้งนักเรียนที่จบจากปอเนาะแห่งนี้มีหลายคนมีชื่อ อยู่ในบัญชีคดีความมั่นคง

เจรจาโล่งแต่เข้าที่เกิดเหตุไม่ได้

ต่อมานายสุนทร ประทุมทอง ปลัดจังหวัดสงขลา นายปรีชา ดำเกิงเกียรติ นอภ.สะบ้าย้อย และตัวแทนคณะกรรมการอิสลามจังหวัดสงขลาอีก 3 คน เดินทางเข้าไปเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมรวมทั้งนายอับดุลเลาะ หะยีเจ๊ะเลาะ เจ้าของโรงเรียนปอเนาะบำรุงศาสตร์วิทยา และญาติของเด็กนักเรียนที่ถูกยิงเสียชีวิตใช้เวลาร่วม 2 ชม. จึงเดินทางกลับด้วยสีหน้าเครียด

ภายหลังนายสนธิ เตชานันท์ ผวจ.สงขลา นายสุนทร ประทุมทอง ปลัดจังหวัด นายปรีชา ดำเกิงเกียรติ นอภ.สะบ้าย้อย และนายอาศีส พิทักษ์คุมพล ประธานกรรมการอิสลามจังหวัดสงขลา ร่วมกันแถลงข่าวอีกครั้งที่ห้องประชุมว่าการอำเภอสะบ้าย้อย โดยนายสุนทรกล่าวว่า ระหว่างเจรจาไม่มีปฏิกิริยาใดจากชาวบ้าน ทุกคนที่มารวมตัวต่างปฏิเสธว่าไม่ได้ชุมนุม เพียงแต่มาเยี่ยมดูสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น และเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันรุ่งขึ้น และจะมีการซักถามพยานหรือบุคคลที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุด้วย ส่วน ผวจ.สงขลา กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าผ่านไปด้วยดีระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชน ประชาชนก็เข้าใจกันดีแล้ว และผู้ชุมนุมต่างสลายตัวไปแล้วในเวลา 17.00 น.

พุ่งเป้าฝีมือกลุ่มโจรอาร์เคเค

หน่วยข่าวชุดสืบสวนในคดีนี้ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของเหยื่อกระสุน ปรากฏว่า 1 ในผู้ถูกยิง มีหมายจับของ สภ.อ.ยะหา จ.ยะลา คดีความมั่นคง ในข้อหาปล้นอาวุธปืนของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยิงถล่มปอเนาะครั้งนี้ ทางหน่วยข่าวต่างๆ ที่ลงปฏิบัติหน้าที่ อ.สะบ้าย้อย ได้มีการประสานไปยังสายข่าวตามหมู่บ้านต่างๆ ทราบว่า ช่วงที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มโจรอาร์เคเคในพื้นที่หมู่ 2 กับหมู่ 6 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย และเชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือกลุ่มนายปะดอ คลองขุด หัวหน้ากลุ่มอาร์เคเค และกลุ่มนายเจ๊ะเตะ ที่เคยก่อเหตุหลายครั้งในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย และ อ.เทพา รวมทั้งระเบิดรถยนต์สายตรวจ สภ.อ.เทพา มาแล้วและป้ายสีให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นมือของเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างสถานการณ์ ความขัดแย้งขึ้น

ไล่ยิงชาวบ้านตาย 3 เจ็บ 3

ขณะที่สถานการณ์ปอเนาะบำรุงศาสตร์วิทยากำลังตึงเครียด ปรากฏว่าเกิดเหตุไล่ประกบยิงชาวบ้าน 2 รายตาย 3 ศพ โดย พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.อ. สะบ้าย้อย พร้อมกำลังไปสอบสวนเหตุยิงกันบนถนนสายสะบ้าย้อย-เขาแดง บ้านล่องควน หมู่ 1 ต.สะบ้าย้อย พบ จยย.ล้ม 1 คัน ทราบมีคนถูกยิงสาหัส 2 คน นำส่ง รพ.สะบ้าย้อยแล้ว ชื่อนายมาโนชย์ วังใหม่ อายุ 27 ปี อยู่หมู่ 13 ต.ทุ่งทอง อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ กับนายสุนทร ทองยามี อายุ 27 ปี อยู่หมู่ 7 ต.ทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย แต่ นายสุนทรเสียชีวิตในเวลาต่อมา สอบสวนทราบว่า ขณะทั้งสองซ้อน จยย.ไปธุระถูกคนร้าย 2 คนซ้อน จยย.ไล่ ประกบยิง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเดิมรับแจ้งอีกว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บที่ขนำ บ้านปลักไม้ไผ่ หมู่ที่ 1 ต.สะบ้าย้อย ห่างจากจุดแรกประมาณ 500 เมตร ไปตรวจ สอบพบศพ น.ส.อรศิริ บุตรใส อายุ 20 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด กับศพนางสมัย บุตรใส อายุ 41 ปี แม่ ถูกยิงเสียชีวิตคาขนำ โดยมีสำรับกับข้าวกระจายเกลื่อน และทราบมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน คือ นายบัวลา บุตรใส อายุ 42 ปี สามีของนางสมัยและนายสี ควนคน อายุ 55 ปี นำส่ง รพ.สะบ้าย้อย สอบสวนทราบว่า ทั้งหมดมีอาชีพรับจ้างเผาถ่านพักอยู่ในขนำ ขณะนั่งกินข้าวเที่ยง ถูกคนร้าย 2 คน ซ้อน จยย.มาจอดแล้วกราดยิงถล่มด้วยปืนอาก้าหลายนัดแล้วหลบหนีไป ทั้งสองคดีคาดว่าเป็นฝีมือโจรสร้างสถานการณ์

วางบึมถล่มทหารพราน


ด้าน จ.ยะลา ตอนสายวันเดียวกัน เกิดเหตุระเบิดริมถนนสายยะลา-นาประดู่ ใกล้ปากทางเข้าบ้านบาตัน หมู่ 1 ต.ลิดล อ.เมืองยะลา หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สราวุธ วงษ์เดิม รอง ผกก. (หน.) สภ.ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา พร้อมกำลังไปตรวจสอบพบหลุมกว้าง 1 เมตร ลึก 30 ซม. กับเศษเหล็ก สะเก็ดระเบิดและเศษอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กระจายเกลื่อน สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทหารพรานร้อย ทพ. 4407 ขับรถออกลาดตระเวนผ่านจุดเกิดเหตุแล้วมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว สันนิษฐานฝีมือโจรใต้วางระเบิดกับดักหวังสังหารทหารพรานด้วยระเบิดแบบรีโมตคอนโทรล

ทมิฬบุกยิงแล้วเผาบ้านซ้ำ

อีกรายเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.อ.วิฑูรย์ สุระพันธ์ ผกก. สภ.อ.กาบัง จ.ยะลา พ.ต.ท.สมพร โสะหาบ รอง ผกก. (สส.) พร้อมกำลังไปสอบสวนกลุ่มโจรวางเพลิงเผาบ้านที่หมู่ 7 ต.บาละ พบไฟได้ลุกไหม้บ้านไม่มีเลขที่ เสียหายทั้งหลังและอีกหลังเสียหายบางส่วน ทราบมีคนถูกยิงสาหัสนำส่ง รพ.กาบัง แต่เสียชีวิตระหว่างทาง ชื่อนายสมภาร ศิริบุตรวงศ์ อายุ 37 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงเข้าหน้าท้อง 1 นัด สอบสวนทราบว่า ขณะนายสมภารอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ถูกกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปยิงและจุดไฟเผาบ้าน ระหว่างนั้นชาวบ้านเห็นเหตุการณ์รีบนำคน เจ็บส่ง รพ. แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

รวบอุสตาซปลอมตัวเป็นหญิง

ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจตำรวจ ตชด. ที่ 13 จ.ยะลา พ.อ.ชินวัตน์ แม้นเดช ผบ.ฉก. 1 ยะลา ได้สอบสวนผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดีด้านความมั่นคงที่ถูกทหารและ ตชด. 13 จับกุมตัวไว้ ทราบชื่อนายอับดุลเลาะ แซะโซะ อายุ 46 ปี อยู่หมู่ 4 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นอุสตาซ และเป็นแกนนำคนสำคัญในคดีความมั่นคง และเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายที่นายอับดุลเลาะแต่งกายด้วยผ้าคลุมคล้ายสตรีมุสลิมร่วมอยู่ในม็อบสตรีและเด็ก ปิดถนนสายบันนังสตา-ยะหา ช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยยิงรถตู้โดยสารได้แล้ว 3 คน รวมทั้งนายอับดุลเลาะ แซะโซะ จากการสืบสวนพบว่า นายอับดุลเลาะ เป็นแกนนำคนสำคัญที่พยายามปลุกระดมชาวบ้านให้ ต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐ และมีหลักฐานชัดเจนที่พบว่านายอับดุลเลาะได้ปลอมเป็นผู้หญิงอยู่กับม็อบสตรีและเด็กในหลายพื้นที่ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับ แต่ไม่ได้รับว่าเป็นคนปลุก ระดม เพียงแต่เข้าร่วมประท้วงเท่านั้น พ.อ.ชินวัตน์กล่าว

แก๊งยิงรถตู้มีทั้งหมด 15 คน

ผบ.ฉก. 1 ยะลา กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ ต.ปะแต ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุยิงรถตู้โดยสารและยิงรถยนต์ รอง ผกก. ตชด. ที่ 44 ยะลา มีอยู่ประมาณ 15 คน และสามารถจับกุมได้แล้ว 3 คน คือ นายอับดุลเลาะ แซะโซะ, นายฮซัน กาโมะ และนายซากีแรม รอฮิง ขณะนี้ถูกนำตัวส่งไปซักถามยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ. ปัตตานี ส่วนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น

ระเบิดมรณะหวังฆ่าตำรวจ


ด้าน จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.ท.สการียา ยูโซะ รอง ผกก.(สส.) สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุระเบิดที่บ้านกำลังก่อสร้าง ตั้งอยู่ ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 2 บ้านกูแบบาเดาะต.ตะบิ้ง พบเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.อ.สายบุรี 4 นายยืนรอและให้การว่า ขณะนั่งพักผ่อนที่หน้าบ้านซึ่งกำลังก่อสร้าง หลังการออกตรวจปรากฏว่าเกิดระเบิดที่กองทรายริมถนน แต่โชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย คาดว่าคนร้ายแอบนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์ มือถือนำมาฝังไว้ในกองทรายหวังฆ่าหมู่เจ้าหน้าที่

แม่ทัพ 4 โชว์ผลงานจับโจร

ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนราธิวาส พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 พ.อ.พีรพล วิริยากุล ผบ.ฉก.3 นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล รอง ผวจ.นราธิวาส พล.ต.ต.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบก.ภ.จ.นราธิวาส น.อ.นิเวช บุตรศรี ผบ.กรม พล.นย. และ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ร่วมกันแถลงข่าวแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ พร้อมนำปืนเอ็ม 16 พร้อมกระสุนปืนขนาดต่างๆ อุปกรณ์สำหรับประกอบระเบิด เครื่องมือแพทย์ เครื่องคอมพิวเตอร์และแผนที่สังเขปที่ยึดมาจากกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบมาแสดงด้วย

ล็อกแนวร่วม 28 คนป่วนใต้

พล.ท.วิโรจน์กล่าวว่า หลังจากที่กรณีคนร้ายได้ยิงรถตู้โดยสารสายเบตง-หาดใหญ่ ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุณ ก่อให้เกิดผลกระทบความรู้สึกของประชาชนและพากันแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แจ้งแหล่งซุกซ่อนอาวุธและอุปกรณ์สำหรับก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังตรวจค้น ยึดของกลางทั้งหมดและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมด 28 คน เป็นคนในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา 16 คน และคนในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 12 คน พร้อมยึดปืนเอ็ม 16 ที่ปล้นมาจากกองพันพัฒนาที่ 4 และอุปกรณ์อื่นหลายรายการ

นอกจากนี้ ยังปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องสงสัยยิงรถตู้โดยสารในพื้นที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา 16 คน พร้อมหลักฐานสำคัญแผนที่สังเขปเขียนด้วยมือ พื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ยะหา และ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ที่ทำเครื่องหมายสถานที่ตั้งหน่วยทหาร ตำรวจ ไว้ทั้งหมด รวมทั้งมีการทำเครื่องหมายบริเวณที่เกิดเหตุคนร้ายยิงรถตู้ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ด้วย แถมยังยึดอาวุธและอุปกรณ์ของกลุ่มคนร้ายได้ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อีกจำนวนหนึ่ง

ยังไม่เพิ่มพื้นที่เคอร์ฟิว

พล.ท.วิโรจน์กล่าวอีกว่า ขณะนี้การรับตอบของอาสาสมัครทหารพรานที่ลงมาทำงานในพื้นที่ จากการทำแบบสอบถามชาวบ้านพบว่า ประชาชนต้องการให้ทหารพรานอยู่ในหมู่บ้าน และต้องการเพิ่มเติมให้ครบทุกหมู่บ้าน พลอยทำให้ทหารพรานตกเป็นเป้าในการโจมตี โดนใส่ร้ายป้ายสีตลอด และทุกครั้งที่มีการปลุกระดมจะโยนความผิดให้ทหารพรานตลอด ต่อไปหากเจ้าของโรงเรียนปอเนาะรายใดกล่าวหาทหารพรานโดยไม่มีหลักฐาน และใช้ลำโพงเพื่อปลุกระดมประชาชนให้มารวมตัวถือว่าเป็นการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ ตนจะใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเข้าดำเนินการทันที และถ้าตรวจสอบพบเกี่ยวข้องกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะเสนอให้ยกเลิกการให้เงินช่วยเหลือและสั่งปิดสถานศึกษาต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการพิจารณาประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ จ.นราธิวาส แล้วหรือยัง แม่ทัพภาคที่ 4 ตอบว่า ในการประกาศเคอร์ฟิวเพิ่มเติมต้องพิจารณาจากสถานการณ์ว่ารุนแรงแค่ไหน ทำให้เกิดผลกระทบหรือความหวาดระแวงหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่ประกาศพื้นที่เคอร์ฟิวเพิ่มเติม

อย่าตกเป็นเครื่องมือโจร


ต่อมานายอารีย์ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังการประชุมที่ ศอ.บต.จ.ยะลา ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ว่า ขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีพยายามที่จะสร้างความแตกแยก ระหว่างคนไทยพุทธกับมุสลิม แต่โชคดีที่คนไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมรักกันด้วยดี เป็นไปไม่ได้ที่จะมาแบ่ง แยกกัน เนื่องจากคนไทยพุทธกับมุสลิมอยู่ด้วยกันมานับร้อยปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหา แต่เนื่องจากมีมือที่สามพยา-ยามทำให้เกิดความหวาดระแวงต่อกันมาโดยตลอด เป็นลักษณะของการสร้างสถานการณ์ ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อหรือตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มก่อความไม่สงบอย่างเด็ดขาด

หนุนใช้ไม้แข็งสยบโจร

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ในจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนในพื้นที่เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องใช้ความเด็ดขาด ในการจัดการกับผู้ที่กระทำผิดอย่างจริงจังตามกฎหมาย พร้อมขอให้ช่วยหาผู้บริหารระดับรัฐมนตรีไปบัญชาการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยตรง เพื่อให้การทำงานในเชิงรุกระหว่างหน่วยงานต่างๆ สอดประสานกัน

โพลเร่งรัฐขจัดปัญหาไฟใต้

ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ทั้งในเขตเมืองและชนบท จำนวน 3,619 คน เกี่ยวกับรัฐบาลกับการแก้ปัญหาภัยที่คุกคามและกระทบประชาชน พบว่าประชาชนร้อยละ 31.07 เห็นว่าภัยก่อการร้ายในภาคใต้เป็นภัยคุกคาม กระทบกับประชาชนที่รัฐบาลควรเร่งมือแก้ไข รองลงมา คือภัยแล้ง/พืชผลเสียหาย ร้อยละ 26.47 และภัยสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นควัน ไฟป่า น้ำเสีย ร้อยละ 24.62 ตามลำดับ ส่วนแนวทางแก้ไขให้สำเร็จเป็นรูปธรรมนั้น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 38.94 เห็นว่ารัฐบาลต้องกล้าทำหรือกล้าตัดสินใจ และทำงานให้เร็วกว่านี้ รองลงมาคือต้องเร่งมือแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้จริงจังและเห็นผล ร้อยละ 18.36 และรัฐบาลต้องกำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินงานอย่างเต็มที่ ร้อยละ 14.19

สื่อมาเลย์อ้างไทยหนีเข้าบ้าน

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานเมื่อ 18 มี.ค. อ้างรายงานข่าว นสพ.ซันเดย์ สตาร์ ของมาเลเซีย ที่ ระบุว่ากลุ่มคนไทยมุสลิมที่ใช้ผ้าคลุมศีรษะและหน้าตา จำนวน 24 คน เป็นผู้หญิง 17 คน และชาย 7 คน จาก จ.นราธิวาส ได้หลบหนีเข้าไปที่เมืองรันเตา ปันจัง ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 550 กม. เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา อ้างหนีภัยคุกคามจากทหารไทย และว่าพวกเขาถูกทุบตี ส่วนลูกๆก็สูญหาย หรือไม่ก็ถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ปี 2548 ทั้งหมดไม่ได้ขอลี้ภัยทางการเมือง แต่ต้องการให้มาเลเซียช่วยยุติความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ขณะที่สำนักงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ระบุยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว ขณะที่กองตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย ผู้สื่อข่าวก็ยังไม่ สามารถติดต่อเพื่อขอรายละเอียดเรื่องนี้ได้

ลูกเสือชุมนุมประณามโจร


ที่ลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) กลุ่มลูกเสือชาวบ้านเขตกรุงเทพฯปริมณฑล นำโดย พล.ต.ท.สมศักดิ์ แขวงโสภา ผอ.ศูนย์ ปฏิบัติการลูกเสือชาวบ้าน ได้รวมตัวกันแสดงจุดยืนต่อกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีแสดงความรู้สึก ต่อเหตุการณ์ความไม่สงบและประณามผู้ก่อเหตุความรุนแรง พร้อมทั้งแสดงความเห็นใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ จากนั้นได้มีการร่วมกันยืนไว้อาลัยให้ประชาชนและข้าราชการที่เสียชีวิต ผู้นำลูกเสือมุสลิมนำละหมาดฮายัต ขอพรจากพระเจ้าให้เกิดสันติสุข และได้ตั้งขบวนเดินถือธงชาติและป้ายผ้ามีข้อความประณามกลุ่มโจรใต้ ออกเดินทางจาก บช.ตชด.ไปตามถนนพหลโยธินจนถึงสวนจตุจักร

ตอบสนองพระราชเสาวนีย์

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ เผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความเป็นห่วงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้จนทนไม่ได้แล้ว ว่านับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทำให้พวกเรามีกำลังใจในการทำงาน จริงๆแล้วในเรื่องการทำงานเพื่อสนองเบื้องพระยุคลบาทพวกเราได้กระทำเต็มที่อยู่แล้ว พระองค์ท่านทราบดี ตนขอยืนยันตามนั้น

เมื่อถามว่า พระราชเสาวนีย์ของพระองค์ท่าน ทาง กองทัพจะนำมาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เราจะต้องนำพระราชเสาวนีย์ ของพระองค์ท่านมาดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ขณะนี้สนองตอบพระราชเสาวนีย์อยู่แล้ว เมื่อถามว่า พระองค์ท่านเห็นด้วยที่จะให้ประชาชนติดอาวุธต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ พล.อ. สนธิกล่าวว่า ผมมองในแง่ของการติดอาวุธทางความคิดมากกว่า ซึ่งผมไม่ทราบรายละเอียดจะต้องถาม พล.อ.ณพลอีกที ผมไม่ทราบ เมื่อถามว่า นโยบายเรื่องความ สมานฉันท์สามารถเดินควบคู่กับการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า จริงๆแล้วไปด้วยกันอยู่แล้ว เพียงแต่รอเวลาให้เกิดผลสำเร็จเท่านั้น

กำชับนโยบายสมานฉันท์

นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ก่อนเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ ถึงกรณีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ห่วงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ว่า การทำงานขณะนี้ถือว่าเป็นการ สนองพระราชเสาวนีย์อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องความสมานฉันท์ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ส่วนเรื่องกฎหมายได้ กำชับให้ผู้ว่าฯดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย สำหรับด้านความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มองค์กรเอกชนต่างประเทศเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยหา คู่เจรจา นายอารีย์ตอบว่า ถ้าการเจรจาเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องดี แต่ขณะนี้ไม่สามารถหาคนหรือกลุ่มองค์กรที่ก่อเหตุได้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์