เตรียมลุย! ขุดทรัพย์สินครอบครัวสาวเปมิกา

น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นิสิตชั้นปีที่ 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในคดีหาตัวคนร้ายลอบวางสารเอฟริดีนประทุษร้าย นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายฟิสิกส์ ย่านงามวงศ์วาน ที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ โดยวันที่ 17 มี.ค. นายอภิชาติ จรสาย ทนายความของ น.ส.เปมิกา เผยว่า ตนได้ศึกษาคำฟ้องคดีที่นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.เปมิกา เรียกค่าทดแทน 27 ล้านบาท ที่ยื่นต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้ว เมื่อศึกษาดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ฟ้องมา ไม่น่าหนักใจอะไรที่จะให้การต่อสู้คดี ห่วงแต่คดีเอฟริดีนที่กองปราบฯสอบสวนอยู่ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปจะปรึกษา น.ส.เปมิกาลูกความอีกที

ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.ป. กล่าวถึงกรณีทนายความของ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต พูดถึงการสอบสวนคดีสืบหาสารเอฟริดีนว่าควรมีพนักงานสอบสวนคนกลางร่วมสอบสวน เพราะมีผู้สงสัยในการทำงานของตำรวจรวมทั้งส่งตำรวจคอมมานโดไปส่งหมายเรียกในกลางดึกว่า เป็นสิทธิของบุคคลใครก็ตามสามารถวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานตามกฎหมายของตำรวจได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นที่จะไปโต้ตอบอะไร ผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้าในการแสวงหาพยานหลักฐาน ผบก.ป.กล่าวว่า ยังเปิดเผยไม่ได้ ส่วนจะเรียกตัว น.ส.เปมิกาหรือไม่ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนกำลังดำเนินการอยู่

ด้าน พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป. เผยว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเนื่องจากญาติของ นพ.ประกิตเผ่ามาร้องทุกข์ให้สืบสวนกรณีพบสารเอฟริดีนในตัว นพ.ประกิตเผ่า ซึ่งทางกฎหมายถือว่ายังไม่เป็นคดี และยังไม่ดำเนินคดีกับผู้ใด ดังนั้นที่มีบุคคลออกมาวิจารณ์การสอบสวนนั้นคงจะเป็นเรื่องคลาดเคลื่อนมากกว่า เพราะตอนนี้ตำรวจพยายามทำความจริงให้ ปรากฏเท่านั้น

รอง ผบก.ป.กล่าวว่า การออกหนังสือเชิญตัว น.ส. เปมิกามาให้การ เพราะตำรวจต้องการข้อมูลจากทุกฝ่าย เนื่องจากเคยสอบปากคำฝ่ายญาติ นพ.ประกิตเผ่าไปแล้วก็เลยต้องขอให้ น.ส.เปมิกามาให้การ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อ น.ส.เปมิกาเอง ขอยืนยันว่าขณะนี้ น.ส.เปมิกายังไม่เป็นผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหาแต่อย่างใด ต่อข้อถามว่า ทนายความของ น.ส.เปมิกามองว่าควรมีพนักงานสอบสวนคนกลางมาสอบสวน หรือร่วมสอบสวนด้วยหรือไม่ พ.ต.อ. อนุชัยกล่าวว่า ตนไม่มีหน้าที่ตัดสินว่าคดีจะให้ใครไปดำเนินการต่อ แต่พยายามให้ความเป็นธรรม น.ส.เปมิกา ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมาผู้ บังคับบัญชากำชับว่าให้สอบสวนด้วยความรอบคอบตรงไปตรงมาอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านความคืบหน้าในคดีนี้ ตำรวจชุดสืบสวนของกองกำกับการ 1 กองปราบปราม กำลังรวบรวมหลักฐานพยาน 2 ส่วน

ส่วนแรก

ได้ออกขอข้อมูลความเห็นแพทย์ เกี่ยวกับการออกฤทธิ์ของวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทส่วนกลาง เพื่อพิสูจน์ว่าสารเอฟริดีน ดังกล่าวจะเข้าสู่ร่างกายโดยทางใด ไม่ว่ากินสูดดมหรือเข้ามาทางสายเลือด

ส่วนที่สอง

ได้มีการตรวจสอบหลักฐานทางการเงินของ น.ส.เปมิกาและผู้ใกล้ชิด เบื้องต้นทราบว่า มารดาของ น.ส.เปมิกามีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ต่อมาได้แยกกับบิดาผู้ให้กำเนิด ต่อมาบิดาไปมีภรรยาใหม่ คือคนปัจจุบันเป็นมารดาเลี้ยง บุคคลเหล่านี้เข้าข่ายที่ตำรวจกำลังตรวจสอบสถานะการเงิน เช่นเดียวกับการตรวจสอบการเงินของครอบครัวทมทิตชงค์

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ