คนขับเผยนาทีชีวิตและคำที่ได้ยินบนรถตู้สายมรณะ

อับดุลรามัน คอแดะ คนขับรถตู้เที่ยวมรณะ สายเบตง-หาดใหญ่


หนึ่งในสองรายที่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด จากฝีมือกลุ่มโจรใต้ก่อเหตุสังหารหมู่ บนถนนสายบันนังสตา -ปะแต เช้าวันที่ 14 มีนาคม ถ่ายทอดภาพนาทีชีวิตของคนในรถตู้ ที่มีทั้งแม่ลูกพูดคุยเรื่องการสอบ คู่รักคุยเรื่องครอบครัว ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ส่อเค้าลางว่า หลังจากนี้ไม่กี่นาที ทุกชีวิตต้องจากไปด้วยฝีมือโจรทมิฬ

นายอับดุลรามัน คอแดะ หนุ่มใหญ่วัย 40 ปี


เกิดและเติบโตใน อ.เบตง ปัจจุบันอาศัยในบ้านเลขที่ 7/11 หมู่ 2 ต.ธารทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา และเป็นคนขับรถตู้โดยสารทะเบียน 10-0975 ยะลา ห้างหุ้นส่วนจำกัดเบตงทัวร์ (2007) เริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ เจ็บปวดที่สุดในชีวิต ได้หันหลังให้แก่อาชีพคนขับรถตู้ไปนานเกือบ 1 ปี หลังจากรู้สึกเบื่อกับอาชีพที่ดำเนินติดต่อมากว่า 10 ปี ผนวกกับได้รับเลือกให้เป็นกำนัน ต.ธารทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา

เห็นว่าว่างๆ ก็เลยตัดสินใจรับปาก


"อีกทั้งเส้นทางนี้ก็คุ้นชินจนแทบจะหลับตาขับได้ วันเกิดเหตุไม่มีเค้าลาง หรือสิ่งบอกเหตุใดๆ ว่าจะมีภัยมาถึงตัว พอออกจากคิวรถต้นทางในตัวเมืองเบตง พร้อมผู้โดยสาร 11 คน ระหว่างทางมีชายมุสลิมวัยกลางคนขอลงรถกลางทาง ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา บอกว่าเพื่อนจะมารับขอลงตรงนี้ เราก็ไม่เอะใจเพราะจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยแล้ว

ระหว่างทางบรรยากาศภายในรถเป็นไปอย่างปกติ


มีเสียงพูดคุยกันเบาๆ จับใจความได้ว่า มีนักเรียนกำลังไปสอบ แม่เดินทางไปส่งลูกสาวเรียนพิเศษที่หาดใหญ่ และมีคู่รักพูดคุยกันเรื่องครอบครัว บางประโยคแสดงถึงความรัก ความห่วงใยระหว่างคนในครอบครัว ไม่มีอะไรบอกเหตุเลยว่า หลังจากนี้จะถูกกลุ่มคนร้ายสังหารโหด" อับดุลรามัน เล่า

อับดุลรามัน กล่าวว่า


เมื่อรถตู้แล่นมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 15-17 บ้านอุเบง หมู่ 4 อ.ยะหา จ.ยะลา ก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางกลางถนน ด้วยสัญชาตญาณ จึงพยายามหันหัวรถกลับไปทางแยกบันนังสตา เพื่อใช้ถนนมลายูบางกอก ตรงเข้าเมืองยะลา ตัดเส้นทางไปเข้า อ.หาดใหญ่ ตอนนั้นได้คิดภาวนาในใจแล้วว่า อย่าให้เกิดเหตุร้ายอะไรเลย แต่ไม่เป็นดังหวัง เมื่อมีร่างหนุ่มรุ่นๆ สวมชุดเขียวโผล่ขึ้นจากข้างทางยืนขวางเต็มถนน พร้อมกับสาดกระสุนชุดใหญ่ใส่รถประดุจห่าฝน เสียงตะโกนกรีดร้องภายในรถดังลั่น และไม่มีใครรู้ชะตาชีวิตตัวเองหลังจากนี้

ยืนยันว่าวันนั้นคนร้ายมามากกว่า 10 คน


เพราะกวาดสายตาเห็นทันทีหลังกลับรถ นอกจากบนถนนหลายสิบคนแล้ว ริมถนนด้านข้างยังมีอีกเยอะ พอมีเสียงปืน กระสุนนัดแรกถากกกหูด้านซ้าย ตอนนั้น รู้สึกแน่นหน้าอกมาก กระสุนชุดแรกทำให้ผมรู้สึกสะลึมสะลือ รถเสียหลักไหลลงข้างทาง ในหูได้ยินเพียงคนร้องระงมขอความช่วยเหลือ ส่วนตัวเองแทบจะไม่มีสติอะไร พยายามประคองร่างเปิดประตูออกจากรถให้ได้" อับดุลรามัน กล่าว

อับดุลรามัน บอกว่า


นาทีนั้นมั่นใจว่าไม่รอดแน่ และมั่นใจว่าเขาคงไม่ไว้ชีวิตให้พ้นไปจากปฏิบัติการครั้งนี้ กระทั่งกระเสือกกระสนออกจากรถได้ ก่อนร่างจะทรุดฮวบลงกับพื้น จึงได้สวดมนต์เพื่อขอพรให้องค์อัลเลาะห์มารับไปอยู่บนสรวงสวรรค์ บทสวดวันนั้น เป็นบทสวดก่อนตาย ไม่ใช่เป็นการร้องขอชีวิตจากผู้ก่อความไม่สงบตามที่เป็นข่าว" อับดุลรามัน ยืนยัน

นาทีนั้นเขาคิดเพียงว่า


ขอเพียงพระองค์มารับชีวิตลูกไปอยู่ในอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ขณะที่ไม่มีเสียงตอบกลับจากผู้ลงมือก่อเหตุในขณะนั้น โดยปล่อยให้นอนพร่ำสวดอยู่บนถนนเป็นเวลานานประมาณ 3-5 นาที ยิงหัวให้หมดทุกคน เป็นเพียงวลีเดียว ที่ได้ยินเสียงสั่งปลิดชีพผู้โดยสารบนรถตู้ให้หมด

อับดุลรามัน บอกว่า


นาทีนั้นกำลังจะลุกขึ้นแต่เป็นไปอย่างยากลำบาก เสียงกระสุนดังขึ้นแต่ละนัด ก่อนสิ้นเสียงกรีดร้องโหยหวนของเหยื่อแต่ละคน แม้ไม่เห็นภาพแต่เสียงที่ก้องกังวานเข้ามาสู่โสตประสาท ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกภาพอันน่าสยดสยองและพฤติกรรมสุดเลือดเย็นของคนร้ายเหล่านี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

เหยื่อที่น่าเห็นใจที่สุดคือ


นายประวิช ชมพูทอง ที่ได้ร้องขอชีวิตจากคนร้าย แต่ไม่มีใครฟัง ก่อนลั่นกระสุนใส่พร้อมกับ น.ส.วิลาสิณี ชมพูทอง บุตรสาววัย 16 ปี ที่กำลังเดินทางไปสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนวรนารีเฉลิม จ.สงขลา

เช่นเดียวกับนางศุภวรรณ แซ่ลู่ ครูโรงเรียนเบตงสุภาพอนุสรณ์


ซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง ได้ตะโกนขอให้ปล่อยบุตรสาวคือ น.ส.กีรติ แซ่ลู่ นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ที่กำลังเดินทางไปเรียนพิเศษที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งมารู้ภายหลังว่าผู้เป็นแม่คืออีกคนที่รอดชะตากรรมอันโหดร้ายครั้งนี้เช่นเดียวกัน แต่ยังอยู่ในสภาพน่าเป็นห่วง

ปฏิบัติการสุดโหดของกองกำลังไม่ทราบกลุ่ม


ยุติลงเพียงเวลาไม่เกิน 5 นาที โดยทั้งหมดเคลื่อนไหวออกจากจุดเกิดเหตุชนิดเงียบกริบ และไม่รู้เลยว่าแยกย้ายกันไปทางไหน "ไม่นานผมได้ยินเสียงรถยนต์ จึงพยายามรวบรวมสติและลุกขึ้นถ่อสังขารตัวเองไปตามถนน ตาพร่าเลือนเห็นทหารพรานพยายามเข้ามาในที่เกิดเหตุ จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

อับดุลรามัน เล่าต่อว่า


ขณะนั้นผมไม่รู้ว่าภายในรถมีใครเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง แม้ใจอยากช่วยก็ตาม เพราะไม่มั่นใจว่าช่วงเวลาอันโหดร้ายฝ่ายตรงข้ามได้ทิ้งอะไรไว้บ้าง สิ่งที่กลัวคือการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดที่เข้ามาถึงจุดเกิดเหตุภายหลัง อย่างที่เราเคยได้ยินและเห็นข่าวว่าเขาทำเช่นนี้บ่อยครั้ง จึงมุ่งหน้าไปเตือนทหารให้รู้ตัวเสียก่อน


อับดุลรามัน บอกว่า


ทันทีที่มีทหารนายหนึ่งโผเข้ารับร่างอันชุ่มไปด้วยเลือดและไร้เรี่ยวแรง ก็หมดสติทันที เพราะรู้ว่านับแต่นาทีนี้เป็นต้นไปคงปลอดภัยแล้ว เมื่อฟื้นคืนสติ ทันทีที่รู้ตัวว่ารอดชีวิต ความคิดแวบแรกที่เกิดขึ้น คือลูกๆ ทั้ง 5 คน ที่เพิ่งพูดคุยก่อนออกจากบ้านช่วงเช้า มุ่งหน้ามาเช็คเวลาก่อนออกจากคิวรับผู้โดยสาร เพราะทุกคนนัดกันไว้ว่า "วันนี้พ่อจะซื้อกับข้าวอร่อยๆ จากหาดใหญ่มาเป็นของฝาก


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์