ควานตัวเสี่ยพะงันกิ๊กเก่าแม่คลี่ฆ่าดช.เกาะสมุย

ตร.สมุยควานตัวแฟนชาวไทยมาสอบ หลังพบเป็นหนึ่งในประเด็นฆาตกรรมบุกบ้านหรูฆ่าด.ช.5 ขวบลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย สอบพบแม่เด็กหนีไปแต่งงานกับสามีชาวออสซี่ ทั้งๆ ที่มีกำหนดจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มชาวเกาะพะงันอยู่ก่อนแล้ว จนเมื่อกลับมาอยู่สมุยญาติเตือนให้ระวังเพราะแฟนยังเจ็บใจอยู่ อีกปมเรื่องฟ้องร้องกับร้านวัสดุก่อสร้าง โดยแม่เด็กจ้างผู้รับเหมาสร้างบ้านหรู แต่ผู้รับเหมาดันไปเบี้ยวเงินร้านขายวัสดุ จนตามมาไล่เบี้ยกับเจ้าของบ้าน กลายเป็นเรื่องทะเลาะและฟ้องร้องกันนัว ส่วนอีกปมอาจจะเป็นฝีมือลูกเรือประมงจะเข้ามาชิงทรัพย์

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนร้ายบุกเดี่ยวเข้าไปในบ้านหรูชื่อ"อรพรรณสมุยโฮม" ใกล้กับท่าเรือราชาเฟอร์รี่ ม.2 ต.ลิปะน้อย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ทำร้ายนางอรพรรณ ญาโน่ ครอป อายุ 30 ปี เจ้าของบ้านได้รับบาดเจ็บ และสังหารด.ช.ภานุวัฒน์ หรือน้องโธมัส ญาโน่ ครอป อายุ 5 ขวบ ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย ลูกชายนางอรพรรณกับสามีชาวออสซี่ ด้วยการจับฟาดกับโต๊ะหินและใช้มีดแทงซ้ำอย่างโหดเหี้ยมเมื่อกลางดึกวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจมุ่งปมแฟนเก่าคนไทยของนางอรพรรณ เจ็บแค้นที่หนีไปแต่งงานกับชาวต่างชาติ หรือปัญหาขัดแย้งกับร้านวัสดุและผู้รับเหมาสร้างบ้าน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 มี.ค. พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบก.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า แม้นางอรพรรณ ผู้บาดเจ็บอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด และยังให้การสับสนอยู่ จึงกำชับพ.ต.อ.ชัยยุทธ นิลวงศ์ ผกก.สภ.อ.เกาะสมุย ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง แต่ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน และไม่มีกลุ่มขบวนการ หรือแก๊งต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบหมายให้ พ.ต.อ.เทศา ศิริวาโท และพ.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผบก.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ควบคุมคดีด้วยตนเอง และส่งตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ประสานกับตำรวจท้องที่ ร่วมกันติดตามจับกุมคนร้ายนำตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด โดยให้รายงานผลทุก 7 วัน เนื่องจากเป็นคดีที่สะเทือนขวัญประชาชน และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว

ด้านพ.ต.อ.ชัยยุทธ ผกก.สภ.อ.เกาะสมุย กล่าวว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนตีกรอบหาสาเหตุการก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้ไว้ 3 ประเด็น คือ 1.เรื่องชิงทรัพย์ โดยคนร้ายอาจเป็นลูกเรือประมงที่จอดเรือในบริเวณใกล้เคียง 2.ประเด็นความขัดแย้งกับเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างที่มีมูลค่าประมาณ 200,000 บาท คดียังอยู่ในชั้นศาล และ 3.เรื่องชู้สาว เพราะสมัยที่นางอรพรรณเป็นนางพยาบาล เคยมีแฟนเป็นชาวเกาะพะงัน รักกันมากขนาดจะแต่งงานกันแต่ นางอรพรรณกลับหนีไปแต่งงานกับนายเจฮัท ครอป สามีชาวออสเตรเลียและไปอยู่กินที่ต่างประเทศหลายปี ก่อนที่จะกลับมาปลูกบ้านหรูหราบนเกาะสมุย อาจทำให้ฝ่ายชายเกิดความเจ็บแค้นจากความรัก ขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับ สภ.อ.เกาะพะงัน เพื่อติดตามตัวแฟนเก่านางอรพรรณมาให้การ

พ.ต.ท.บุญมา แก้วละเอียด สว.สส.สภ.อ.เกาะสมุย กล่าวว่า ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้มาจากเรื่องอะไร เนื่องจากคำให้การของนางอรพรรณ 2 ครั้งไม่ตรงกัน ครั้งแรกนางอรพรรณให้การกับตำรวจสายตรวจว่า ขณะที่พาลูกชายออกมานั่งเล่นที่ม้าหินหลังบ้าน เพื่อดูพลุที่มีคนจุดที่ชายหาด ระหว่างนั้นมีคนร้าย 1 คน รูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณ 25 ปี พูดสำเนียงใต้ สวมกางเกงลายพราง ปีนรั้วบุกเข้ามาในบ้าน ใช้แขนปิดบังใบหน้าแล้วตรงเข้ามาทำร้ายตนเองและฆ่าลูกชาย

"ขณะที่คำให้การในครั้งที่ 2 นางอรพรรณอ้างว่า เมื่อพาลูกออกมาดูพลุขณะที่กำลังเปิดประตู พบคนร้ายเป็นชาย รูปร่างท้วม ผิวสีเข้ม ไม่เห็นการแต่งกายของคนร้ายได้ชัดเจน เนื่องจากที่เกิดเหตุมืดมาก เมื่อถามไปว่า เป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ คนร้ายไม่พูดอะไร แต่ตรงเข้ามากระชากตัวลูกนางอรพรรณ ลากไปฟาดกับโต๊ะนั่งม้าหินทันที ลักษณะการก่อเหตุผู้ลงมือต้องมีความโหดเหี้ยม หรือมีความแค้นอย่างฝังลึกต่อนางอรพรรณเป็นอย่างมาก" สว.สส.สภ.อ.เกาะสมุย กล่าวอีกว่า ในชั้นนี้จึงมุ่งไปที่เรื่องขัดแย้งกับเจ้าของร้านค้าวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่ง ในอ.เกาะสมุย

เนื่องจากผู้รับเหมาสร้างบ้านหลังที่เกิดเหตุ รับเงินค่าจ้างจากนางอรพรรณไปจนหมดแล้ว แต่กลับไม่นำไปจ่ายค่าวงกบ บานประตู และบานหน้าต่าง ที่ซื้อมาจากร้านเป็นเงินกว่า 200,000 บาท จนเจ้าของร้านตามทวงเงิน นางอรพรรณไม่ยอมจนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง กระทั่งมีการฟ้องร้องกัน คดียังอยู่ในชั้นศาล อีกทั้งเจ้าของร้านสั่งคนงานเข้ารื้อถอนวงกบออกจากบ้านนางอรพรรณ จนมีการแจ้งความดำเนินคดีกันอีก ขณะนี้เรียกตัวเจ้าของร้านมาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

พ.ต.ท.บุญมากล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่มีน้ำหนักมากเช่นกัน คือเรื่องแฟนเก่าชาวไทย ตำรวจสืบพบว่าเมื่อ 4-5 ปีก่อน นางอรพรรณ ทำงานเป็นนางพยาบาลที่เกาะสมุย ไปลงทุนเปิดคลินิกกับแฟนหนุ่มชาวอ.เกาะพะงัน ซึ่งมีธุรกิจรีสอร์ตและบาร์ ถึงขั้นวางแผนแต่งงานกันด้วย ต่อมาคลินิกถูกสั่งปิดเพราะถูกร้องเรียนเรื่องขายยาต้องห้าม นางอรพรรณถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลต้นสังกัด สักพักก็รู้จักกับสามีชาวออสเตรเลียและไปอยู่กินด้วยกันที่เมืองนอก เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน โดยญาติๆ เคยเตือนว่าแฟนเก่ายังเจ็บแค้นอยู่ ซึ่งต้องไล่สอบไปทุกๆ ประเด็น