“ลูกสาวเสธ.แดง” มอบคลิปรายการสภาท่าพระอาทิตย์ชี้เบาะแสมือยิงเสธแดง
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อมอบหลักฐานซีดีการจัดรายการสภาท่าพระอาทิตย์ที่เชื่อว่าสามารถใช้เป็นเบาะแสสำคัญในการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของเสธ.แดง รวมถึงสอบถามความคืบหน้าผลการสอบสวนคดี
โดยน.ส.ขัตติยา กล่าวว่า วันนี้(19 มี.ค.) ตนได้นำซีดีที่บันทึกคลิปที่ทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศว่าเป็นผู้ฆ่าเสธ.แดงและคลิปดังกล่าวได้ถูกนำมาเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย และตนก็ได้มีโอกาสเข้าไปดูคลิปดังกล่าวที่มีลักษณะเป็นการนั่งสัมภาษณ์ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ โดยหัวข้อในคลิปที่เผยแพร่ระบุชื่อคลิป “พันธมิตรประกาศว่าเป็นคนฆ่าเสธ.แดง”
โดยเนื้อหาในคลิปเป็นการเล่าเหตุการณ์ว่าจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯได้มีการยิงระเบิด ขว้างระเบิดเข้ามา ซึ่งก็รู้ว่าหมายถึงใครพูดตรงๆก็คือเสธ.แดง ซึ่งเขาก็พูดว่าได้เฝ้าดูและหาทางกำจัด ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ ตรงนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นประเด็นสำคัญ ไม่ว่าผู้พูดจะทำจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีข้อมูลอะไรบางอย่างที่จะสามารถนำมาสืบสวนสอบสวน ค้นหาผู้ต้องสงสัยได้ เชื่อว่าคลิปนี้จะมีประโยชน์กับคดีมากจึงได้มอบให้ดีเอสไอตรวจสอบ
ด้านนายธาริตกล่าวว่า ที่ผ่านดีเอสไอไม่ได้ละเลยการสอบสวนคดีดังกล่าวแต่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งการสอบปากคำพยานแวดล้อม รวมทั้งการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
ส่วนกรณีที่น.ส.ขัตติยา ได้นำหลักฐานใหม่มามอบให้เพิ่มเติมนั้นตนจะดำเนินการตรวจสอบตามพยานหลักฐานที่ได้รับมอบทันทีในช่วงบ่าย โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบรายการสภาท่าพระอาทิตย์ และจะแจ้งผลการสอบสวนคดีเป็นระยะกับน.ส.ขัตติยาซึ่งถือเป็นญาติสายตรง และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้าเฉพาะคดีการเสียชีวิตของเสธ.แดงเพิ่มเติมอีกด้วย
“หลักฐานคลิปดังกล่าวนี้ถือเป็นพยานสำคัญอย่างหนึ่งที่ดีเอสไอจะต้องไปสืบค้นเพราะว่าอยู่ดีๆก็มีคนออกมายอมรับว่าเป็นขบวนการ เป็นกลุ่มที่ทำร้ายจนเสธ.แดงถึงแก่ความตาย ซึ่งจะต้องไปสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องว่าแล้วเหตุใดกลุ่มพันธมิตรฯออกมายอมรับเช่นนี้ มีมูลเหตุจูงใจอะไร ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญมากที่จะต้องไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป” อธิบดีดีเอสไอกล่าว.