หนุ่มออสซี่โวยตำรวจเกาะสมุยสุราษฎร์ธานี ยัดข้อหาขี่จยย.ชนทำแฟนสาวดับ แถมยึดพาสปอร์ตแล้วบังคับให้เซ็นรับผิด
ก่อนบินกลับประเทศแล้วร้องสื่อขอความเป็นธรรม "ผบ.ตร." ส่งที่ปรึกษา (สบ10) บินลงคุมคดี ผบช.ภ.8 เต้นสั่งย้ายด่วน ผกก.บ่อผุด ช่วยราชการบช.ภ.8 ไม่มีกำหนด พร้อมตั้ง กก.สอบวินัย-หาข้อเท็จจริง เร่งเช็กวงจรปิดตรวจสอบรายละเอียด ด้านผกก.แจงทำตามขั้นตอนกม.ไทย ปัดขู่เรียกรับเงิน โต้หนุ่มออสซี่เลี้ยวรถกระชั้นชิด
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าตรวจสอบ สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
หลังสำนักข่าวออสเตรเลียรายงานข่าวมีคู่รักนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่เดินทางมาฮันนีมูนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด แจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เหตุขี่รถจักรยานยนต์แล้วถูกรถอีกคันที่ขี่ตามหลังมาชนเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ฝ่ายหญิงเสียชีวิต ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสมุดลงบันทึกประจำวันพบในวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการลงบันทึกเกิดเหตุดังกล่าวจริง
สำหรับเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงกลางดึกวันที่ 18 ต.ค. ขณะนายเจมี่ โรเบิร์ต คีธ อายุ 27 ปี ชาวออสเตรเลีย และน.ส.นิโคล หลุยส์ ฟลิซซิม อายุ 24 ปี
แฟนสาวชาวออสเตรเลียเช่นกัน เดินทาง มาฮันนีมูนที่เกาะสมุยและเข้าพักที่โรงแรมบัดดี้สมุย โดยเช่ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก สีน้ำเงิน ทะเบียน ครท-856 สุราษฎร์ธานี ไว้ขี่เที่ยวรอบเกาะ ก่อนเกิดเหตุขณะทั้ง 2 คน ขี่รถกลับจากรับประทานอาหารค่ำ และเดินทางเข้าที่พัก จังหวะที่กำลังเลี้ยวรถเปลี่ยนเลนเข้าโรงแรม เกิดมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ ทะเบียน ควม-787 อุดรธานี โดยมีนายก้องหล้า สาตื้อ อายุ 21 ปี ชาวจ.ชัยภูมิ ขี่ตามหลังมาด้วยความเร็วสูงและพุ่งชนรถของนายเจมี่เข้าอย่างจัง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนบาดเจ็บสาหัส และถูกนำส่ง ร.พ.กรุงเทพสมุย แต่น.ส.นิโคลทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในวันที่ 19 ต.ค.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
และแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหายกับนายเจมี่ แถมยังยึดหนังสือ เดินทางไว้ แต่หลังจากคดีสิ้นสุดและนายเจมี่เดินทางกลับประเทศ ได้ไปร้องเรียนผ่านสื่อของออสเตรเลียว่าถูกตำรวจไทยยัดข้อกล่าวหา และรีดไถติดค่าสินบน 15,000-30,000 เหรียญออสเตรเลีย โดยระบุว่านอกจากเสียใจกับการจากไปของแฟนสาวแล้ว ยังเสียใจกับการกระทำของตำรวจไทยอีก เพราะหลังเกิดเหตุเมื่อไปยังสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้ให้เซ็นยอมรับผิดด้วยเอกสารที่เป็นภาษาไทย เพื่อแลกกับหนังสือเดินทางที่ยึดไว้ แต่นายเจมี่ไม่ยินยอม เลยถูกจับกุมตัวไว้ กระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไป 6 วัน นายเจมี่จึงยอมเซ็นชื่อกำกับว่าเป็นผู้กระทำผิด นอกจากนี้นายเจมี่ยังออกรายการโทรทัศน์ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยมีการนำเสนอข่าวดังกล่าวไปตามเว็บไซต์์ทั่วโลก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวว่าได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยสั่งการให้พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา (สบ10) ลงพื้นที่กำกับดูแลคดีที่เกิดขึ้นและตรวจสอบวงจรปิดอย่างละเอียดทั้งหมด หากพบมีการกระทำผิดจริงจะเข้าข่ายความผิดวินัยร้ายแรง
ด้านพล.ต.ท.ยงยุทธ วานิชเจริญ ผบช.ภ.8 กล่าวว่า จากการตรวจสอบสำนวนการสอบสวนพบพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง
กรณีไม่แจ้งข้อหากับคนไทยที่ขี่รถจักรยานยนต์ชนรถของนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต แต่กลับแจ้งข้อหากับนักท่องเที่ยวที่ถูกรถชนเพียงฝ่ายเดียว จึงถือเป็นความบกพร่องในหน้าที่ และสั่งการให้ พ.ต.อ.สำราญ มาเจริญ ผกก.สภ.บ่อผุด ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่บช.ภ.8 อย่างไม่มีกำหนด พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัย และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีใหม่ทั้งหมด โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.กิติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รอง ผบช.ภ.8 เข้าควบคุมการสอบสวนและทำรายงานชี้แจง ผบ.ตร.โดยเร็วที่สุด
ขณะที่พ.ต.อ.สำราญกล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำคู่กรณีและแจ้งข้อหาทั้ง 2 ฝ่าย
ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมแจ้งข้อหานายเจมี่ไม่สวมหมวกนิรภัยและไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถ ส่วนสาเหตุที่ น.ส.นิโคลเสียชีวิตมาจากสมองได้รับความกระทบกระเทือน เนื่องจากไม่สวมหมวกนิรภัย โดยเชิญผู้จัดการโรงแรมบัดดี้สมุย ไกด์และเจ้าของร้านรถเช่ามาเจรจาค่าเสียหาย ซึ่งโรงแรมช่วยเหลือจ่ายค่าซ่อมรถทั้ง 2 คันให้เป็นเงิน 5,000 บาท
พ.ต.อ.สำราญกล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่า นายเจมี่ขี่รถออกจากบ้านละไม เพื่อเดินทางกลับโรงแรมบัดดี้สมุย
แต่เมื่อขี่รถถึงหน้าโรงแรมและอยู่ถนนฝั่งซ้ายสุด จู่ๆ นายเจมี่กลับเปิดไฟเลี้ยวขวาและเลี้ยวรถ ทำให้นายก้องหล้าที่ขี่รถตามหลังมาเบรกไม่ทันและพุ่งชนรถนายเจมี่ จนทำให้ น.ส.นิโคลตกจากรถเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปได้ที่นายเจมี่อาจหลงลืมช่องจราจรที่แตกต่างกันระหว่างประเทศ
"ส่วนการให้เซ็นชื่อในเอกสารภาษาไทยนั้น เป็นเพียงบันทึกสำนวนของตำรวจ รวมทั้งข้อตกลงเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนการยึดหนังสือ เดินทางของนายเจมี่ไว้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนการทำงานของตำรวจที่ต้องเก็บเป็นหลักฐานการสอบสวน จนมีการเซ็นรับทราบข้อหาแล้วจึงคืนหนังสือเดินทางให้ โดยไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเรื่องเงินทองและไม่มีข้อเรียกร้องต่อกัน ซึ่งคาดว่านายเจมี่อาจไม่เข้าใจกฎหมายไทย เพราะความจริงแล้วจะต้องส่งฟ้องศาลก่อน แต่เห็นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติและมีกำหนดเดินทางกลับประเทศ จึงคืนหนังสือเดินทางให้ก่อน" พ.ต.อ.สำราญกล่าว
นายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า
การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต้องได้ความยุติธรรม ตอนนี้ยังไม่ฟันธงว่าฝ่ายใดผิดหรือถูก จึงอยากฝากไปยังตำรวจต้องทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียอยู่ในอันดับต้นๆ ในกลุ่มนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุยและอยู่ในช่วงใกล้ฤดูกาลท่องเที่ยว