โดยก่อนเกิดเหตุนายสุนันท์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ตายและมาพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นนายสุนันท์โทรศัพท์ให้ตนมาเที่ยวที่จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดินทางมาถึงก็มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของผู้ตายด้วยอีกคน จนกระทั่งในวันเกิดเหตุช่วงกลางคืนผู้ตายเดินเข้ามาหาตนที่ห้องและขอร่วมมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย แต่ตนไม่ยินยอม ผู้ตายจึงด่าทอเหยียดหยามว่าไม่เป็นลูกผู้ชายและด่าทอเหยียดหยามไปถึงบุพการี ทำให้โกรธแค้นจึงชกต่อยกับผู้ตาย
จากนั้นนายสุนันท์ ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ จึงวิ่งเข้ามาดูและช่วยกันจับผู้ตาย ก่อนจะใช้มีดที่อยู่ในครัวมาแทงผู้ตายอย่างไม่ยั้งจนเสียชีวิตและขโมยกระเป๋าได้เงินไปเพียง 20 บาท และบัตรเครดิต โดยขับรถกระบะทะเบียน ถย-3990 กทม. หลบหนีไป ก่อนจะทิ้งรถกระบะไว้ที่ จ.สมุทรปราการ แล้วแยกย้ายหลบหนีไป โดยตนหนีมากบดานอยู่กับภรรยาและลูกที่ จ.ชลบุรี ก่อนภรรยาจะเห็นข่าวและขอร้องให้เข้ามอบตัว จึงเข้ามอบตัวชดใช้ความผิด
โดยหลังจากรับฟังคำพิพากษาเสร็จแล้วโชเล่ย์ พร้อมด้วยพี่น้องซึ่งเดินถือรูปภาพที่อัดใส่กรอบของนายธนากรได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า
และสำนวนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมาให้ศาลพิจารณาก็เป็นเพียงข้อหา ฆ่าเพื่อชิงทรัพย์เท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงคนร้ายน่าจะมีการวางแผนและเตรียมการณ์ไว้ก่อน ซึ่งตนเตรียมที่จะอุทรณ์ต่อไปเพราะไม่สามารถรับคำตัดสินได้ และยังมีผู้ร่วมขบวนการฆ่าน้องชายตนอีก 1 คน ที่ยังหลบหนีอยู่ แต่ทำไมตำรวจจึงไม่สามารถจับได้ทั้งที่คนร้ายอีกคนก็เป็นพี่น้องกับนายบุญทัน