หนุ่มโตโยต้าหึงโหด แทง14แผลดับม่ายสาว
ห้า ทุ่มเศษ ของคืนวันที่ 6 ต.ค. นางชลธิชา อิ่นทา อายุ 49 ปี รีบออกจาก บ้นพักย่านลาดพร้าว 101 ไปยังเจริญผลอพาร์ตเมนต์ ถ.บรรทัดทอง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. ที่พักของ น.ส.สายชล คงแก้ว อายุ 31 ปี หลานสาว ซึ่งทำงานเป็นพนักงานบัญชีของกรมพลศึกษา
สาเหตุที่นางชลธิชาเป็นห่วง หลานสาว เพราะอดีตสามีของน.ส.สายชลซึ่งอยู่ที่ จ.สงขลา โทรศัพท์มาบอกให้ช่วยไปดูที่ห้อง เพราะน.ส.สายชลโทร.ไปบอกว่ามีผู้ชายบุกเข้าไปในห้องเกรงว่าจะได้รับอันตราย
เมื่อ ไปถึงที่ห้อง 406 CA อพาร์ตเมนต์ดังกล่าว นางชลธิชาพบว่าประตูห้องถูกล็อกจากด้านใน และได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังออกมาจากข้างในห้อง
แม้พยายามเคาะเรียกนานเท่าไร ก็ไม่มีใครในห้องยอมเปิดประตูให้ จึงตัดสินใจไปแจ้งความที่สน.ปทุมวันมาตรวจสอบ
หลังแจ้งความพนักงานสอบสวนให้นางชลธิชากลับมายังห้องพักหลานสาว โดยบอกว่าแจ้งให้ตำรวจสายตรวจเข้าไปดูที่เกิดเหตุแล้ว
แต่ เมื่อกลับไปถึงและรอนานกว่าครึ่งชั่วโมงกลับไม่พบตำรวจเลยสักคน กระทั่งได้ยินเสียงหลานสาวร้องโหยหวนดังออกมาจากในห้อง จึงตัดสินใจกลับไปที่โรงพักอีกครั้ง ก่อนที่จะกลับมายังอพาร์ตเมนต์พร้อม ร.ต.ต.มนตรี คำขาว ร้อยเวร พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผกก.สส.
พร้อมประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยงัดห้องเข้าไป
ภาพ ที่ปรากฏต่อสายตาทุกคน คือร่างนายชาญชัย วินากร อายุ 29 ปี นอนหงายจมกองเลือดอยู่กลางห้อง พบบาดแผลถูกมีดปาดที่บริเวณลำคอ 1 แผล และแทงหน้าท้องอีก 1 แผล อาการสาหัสจึงรีบนำส่งร.พ.จุฬาลงกรณ์
ส่วน น.ส.สายชลกลายเป็นศพนอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าตู้เย็น สภาพนอนหงายสวมชุดนอนสีชมพูเปื้อนเลือดทั่วร่าง ลำคอมีบาดแผลถูกมีดปาด 1 แผล และถูกแทงที่ลำตัวรวม 14 แผล คราบเลือดกระจายนองเต็มพื้นและผนังห้อง
ทันทีที่เห็นร่างของหลานสาว นางชลธิชาร้องไห้จนเป็นลมไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็กล่าวตัดพ้อว่า หากตำรวจมาเร็วกว่านี้หลานสาวคงไม่ต้องตาย
ต่อมา พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ พฐ. และแพทย์ร.พ.ตำรวจ เดินทางไปร่วมตรวจสอบ
จากการตรวจสอบสภาพห้องพบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อน มีดพับยาวประมาณ 6 นิ้ว เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 เล่ม เสื้อคลุมบริษัทโตโยต้า 1 ตัว และจดหมายเขียนด้วยลายมือบนกระดาษเอ 4 จำนวน 3 แผ่น วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
จดหมาย 2 แผ่นแรกเขียนด้วยลายมือฝ่ายชาย มีข้อความตัดพ้อต่อ ว่าฝ่ายหญิงและผู้ชายอีกคนจนต้องตัดสินใจตายด้วยกัน
ส่วน อีกแผ่นเขียนด้วยลายมือฝ่ายหญิง มีข้อ ความว่า "แม่ ตาลขอโทษ ตาลทำให้แม่เสียใจ ตาลขอโทษแม่ ตาลขอตายกับเขา ตาลทำร้ายจิตใจแม่ พ่อ ต้นข้าว" จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนศพนำส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ
ต่อ มาเจ้าหน้าที่เชิญเพื่อนร่วมงานของผู้ตายมาสอบปากคำทำให้ทราบว่า ผู้ตายและนายชาญชัยรู้จักติดต่อกันผ่านอินเตอร์เน็ตมาได้ปีกว่าแล้ว
กระทั่งผู้ตายเลิกรากับสามีที่ จ.สงขลา ทั้งคู่จึงเริ่มคบหาดูใจกัน โดยนายชาญชัยทำงานอยู่บริษัทโตโยต้าที่ จ.ฉะเชิงเทรา
แต่ หลังจากคบหากันไม่นาน ผู้ตายทราบว่านายชาญชัยมีครอบครัวอยู่แล้ว ถึงขนาดภรรยาของนายชาญชัยเคยโทรศัพท์มาคุยด้วย ทำให้ผู้ตายตัดสินใจขอเลิก แต่นายชาญชัยไม่ยอม ตามมารังควานข่มขู่ว่าจะทำร้ายตลอดเวลา จนผู้ตายต้องไปแจ้งความไว้ที่ สน.ปทุมวัน แต่นายชาญชัยก็ยังไม่ยอมหยุด
ในที่สุดผู้ตายตัดสินใจขอโอนย้ายไปทำงานที่ จ.สงขลา เพื่อหนีการคุกคามของฝ่ายชาย และต้นสังกัดก็อนุมัติแล้ว แต่ต้องมาจบชีวิตลงในที่สุด
ขณะที่พ.ต.ท.ประเทือง สุขเกษม สวป.สน.ปทุมวัน ชี้แจงการทำงานที่ล่าช้าว่า เมื่อญาติผู้ตายเดินทางไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้วิทยุแจ้งสายตรวจเดินทางไปตรวจสอบทันที
แต่เมื่อไป ถึงที่เกิดเหตุไม่พบผู้แจ้งจึงออกตรวจพื้นที่ กระทั่งญาติผู้ตายเดินทางกลับมาแจ้งความอีกรอบ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ แต่ไม่ทันเพราะว่าฝ่ายหญิงเสียชีวิตไปแล้ว
เรื่องดังกล่าวจะต้องสอบสวนว่ามีความผิดพลาดตรงจุดไหน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำลักษณะนี้ขึ้นอีก