ตำรวจยังไม่ฝากขังสาวฆ่าหั่นศพสามี รอผลตรวจจิต
ผกก.สน.บางขุนนนท์ เผย ยังไม่ฝากขังสาวฆ่าหั่นศพสามี รอผลตรวจทางจิต หากพบเป็นชั่วคราว สามารถดำเนินคดีได้ตามปกติ
วันนี้ (9 ตุลาคม) พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล ผกก.สน.บางขุนนนท์ เปิดเผยถึงความคืบหน้า คดีที่ น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพ นายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี สามี ว่า ได้ส่งตัวไปสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อตรวจสอบว่า สภาพจิตผิดปกติหรือไม่ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เพื่อรอผลตรวจจากแพทย์ยืนยัน ทั้งนี้ จากการสอบปากคำญาติ น.ส.พรสุรีย์ ได้บอกว่า ไม่เคยทราบมาก่อนว่าเคยมีอาการป่วยทางจิต ส่วนอาการเมายาต้องรอผลตรวจยืนยันที่ชัดเจนจากทางแพทย์มาประกอบกันด้วย
อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีนั้น แพทย์ต้องระบุว่า ระหว่างกระทำผิด น.ส.พรสุรีย์ สามารถยับยั้งรู้ผิดชอบชั่วดีได้หรือไม่ ซึ่งหากพบว่า วิกลจริตมาตลอด ก็อาจต้องระงับคดี แต่หากผลตรวจระบุว่า อาการวิกลจริตเป็นชั่วคราว หรือขณะกระทำผิดรู้ตัว ก็ต้องดำเนินคดีตามปกติ ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน ต้องยื่นคำร้องต่อศาลว่า ได้ส่ง น.ส.พรสุรีย์ ไปให้แพทย์ตรวจอาการทางจิต จนกว่าจะแล้วเสร็จ ก่อนจะนำตัวมาฝากขังต่อไป
ขณะที่ นางอัมพัน ชัยวรรณ์ อายุ 49 ปี แม่ค้าร้านขายของชำในอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว ระบุว่า ปกติตนกับผู้ต้องหาไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ส่วนผู้ตายนั้นมีการพูดคุยกันบ้าง ส่วนที่ผู้ตายก็ดูท่าทางเป็นคนดี มีแต่ผู้ต้องหาเท่านั้นที่คอยทุบตีสามีให้คนอื่น ๆ ได้เห็นตลอดเวลา และระยะหลังนี้ผู้ตายนั้นป่วยเดินไม่ได้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเขาเป็นอะไร แต่พอถามเรื่องนี้กับผู้ต้องหาเขาก็จะบอกเพียงว่า สามีนั่งดื่มเบียร์อยู่บนห้องพัก ถ้าถามว่าผู้ต้องหาทำร้ายร่างการสามีอย่างไรบ้าง ตนเคยเห็นบางครั้งเขาใส่สากทำร้ายสามี และบางครั้งก็ลากสามีออกมาจากห้องจนผู้ตายต้องคลานมานั่งอยู่บริเวณบันไดหนีไฟบ่อย ๆ ทั้งนี้ ตนก็อดสงสารผู้ตายไม่ได้ที่ต้องถูกทำร้ายและโดนด่าทอ ยิ่งตอนที่ผู้ตายลงมาดื่มเบียร์อยู่ข้างล่าง ผู้ต้องหาก็จะลงมาตามและต่อว่าอย่างรุนแรง ก่อนที่จะทุบตี แต่ผู้ตายก็ไม่เคยต่อสู้แต่อย่างใด
ทางด้าน นางนฤมล ปั้นเหน่งเพชร อายุ 70 ปี เพื่อนร่วมอพาร์ทเม้นท์ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ต้องหาก็มีอาการปกติ บางครั้งเดินสวนกับตนก็ยกมือไหว้ทักทายและใส่ชุดขาวเหมือนปฏิบัติธรรม เดินไปเดินมาในอพาร์ทเม้นท์เป็นประจำ แต่ทั้งนี้ตนก็ไม่ทราบว่าเขาเป็นร่างทรงจริงหรือไม่ และหลังจากที่ตนทราบข่าวว่าเขาฆ่าหั่นศพสามีตัวเอง ตนก็รู้สึกหวาดกลัว เพราะผู้ตายตนก็เคยพบและได้พูดคุยกันมาตลอด อีกทั้งตนไม่คิดว่าผู้ต้องหาจะฆ่าสามีตัวเองได้อย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้
ส่วนด้าน นายทา วี ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงกล่าวว่า ในช่วงเช้าของวันที่เกิดเหตุ ขณะที่ตนนั่งตกปลาอยู่ริมคลองบางกอกน้อย ตนก็เหตุผู้ต้องหานำถุงพลาสติกขนาดใหญ่ทิ้งลงคลอง ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่ผู้ต้องหาหันมาบอกกับตนว่า จะได้ปลาตัวใหญ่ และจากนั้นก็เดินกลับเข้าอพาร์ทเม้นท์ไป ส่วนถุงที่ผู้ต้องหาโยนทิ้งลงคลองนั้น ก็ไหลไปติดอยู่ที่ตอไม้บริเวณใกล้เคียง จากนั้นเมื่อตนทราบข่าวว่าผู้ต้องหาเป็นภรรยาที่ฆ่าหันศพสามีตัวเอง และเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาค้น ตนจึงแจ้งกับตำรวจว่า มีคนมาทิ้งถุงใบใหญ่ในคลองนี้จริง และถุงนั้นอยู่ตรงตอไม้ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำขึ้นมาตรวจสอบก็พบว่าเป็นชิ้นส่วนของนายประสิทธิ์ผู้ตาย ที่ห่อด้วยผ้าสีเหลืองใส่ไว้ในถุงพลาสติกดังกล่าว