ความคืบหน้ากรณีคนร้ายได้แฝงตัวเข้าไปวางระเบิด “ซุบเปอร์ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ 4” สาขาจังหวัดนราธิวาส
ซึ่งเป็นห้างดังชั้นเดียวและใหญ่ที่สุดของจังหวัดนราธิวาส ตั้งอยู่ ถ.จำรูญนรา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา จนสร้างความเสียหายต่อสินค้าที่วางจำหน่ายอยู่ภายใน และตัวอาคารถูกเพลิงไหม้เสียหายยับเยิน
โดยเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 1 ก.ย. นายเถกิงศักดิ์ ยกศิริ นายอำเภอเมืองนราธิวาส ได้เดินทางไปเข้าสังเกตการณ์ที่จุดเกิดเหตุ
และพบว่ายังมีไฟซุ่มอยู่ภายในกองสินค้าเป็นจุดและอาจจะเกิดลุกลามขึ้นมาได้อีกครั้ง จึงได้ขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากสำนักงานเทศบาลเมืองนราธิวาส จำนวน 2 คัน เข้าฉีดน้ำเพื่อเคลียร์พื้นที่อีกครั้ง เพื่อง่ายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจ้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า จุดต้นเพลิงอยู่บริเวณแถบชั้นวางสินค้าประเภทแชมพูที่ใช้สำหรับทำความสะอาดภาชนะ ที่อยู่ชั้นในสุดของด้านซ้ายมือของประตูทางเข้าอาคารและต้นเพลิงได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว จนไปติดแผนกจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนการสอน ส่งผลทำให้การสกัดกั้นต้นเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบากและสร้างความเสียหายต่ออาคารของซุปเปอร์ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ไปถึง 95 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบทั้งหลังจนอาคารดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้
ในส่วนของการตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุของ พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เป็นไปด้วยความยากลำบาก
เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีซากสินค้านานาชนิดถูกเพลิงไหม้ทับถมกันเป็นจำนวนมากแถมยังมีปริมาณน้ำที่ใช้ฉีดสกัดต้นเพลิงขัง ซึ่งยากต่อการตรวจพิสูจน์และต้องใช้เวลาในการหาหลักฐาน แต่จากการตรวจสอบประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้นคาดว่าเหตุที่เกิดขึ้นน่ามาจากถูกคนร้ายลอบวางระเบิด ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 5 ก.ก.และอาจจะมีน้ำมันเชื้อเพลิงผูกติดไว้ด้วย โดยคนร้ายประสงค์ที่จะให้น้ำมันเชื้อเพลิงกระเด็นไปติดกองสินค้าเวลาจุดชนวนระเบิดให้ทำงาน
นอกจากนี้ที่บริเวณหน้าซุปเปอร์ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ 4 สาขานราธิวาส ในช่วงเวลา 08.00 น.
มีพนักงานของซุปเปอร์ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ 4 สาขานราธิวาส และเจ้าของผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าภายในห้าง พากันมายืนจับกลุ่มกันกล่าวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ โดยส่วนใหญ่มีความวิตกว่าจะตกงาน เนื่องจากห้างถูกเพลิงได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ในเบื้องต้นคิดมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
ด้าน พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ซึ่งเป็น 1 ในผู้รับผิดชอบคดีนี้
ได้จัดทีมสืบสวนหาเบาะแสของคนร้ายด้วยการตรวจสอบกล้องวงจรไปที่ติดไว้บริเวณเสาไฟฟ้าหน้าห้าง รวมไปถึงที่ติดไว้บริเวณจุดตรวจเซฟตี้โซนทั้ง 4 จุด เพื่อตรวจสอบยานพาหนะต้องสงสัยทุกชนิดที่ผ่านไปมา โดยเฉพาะในช่วงเวลา 18.00 น.เป็นต้นไป เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายอาจจะมีการแฝงตัวขี่รถจักรยานยนต์ผ่านขณะที่เจ้าหน้าที่จุดตรวจเซฟตี้โซนเผลอ แล้วจอดรถหน้าห้างเดินปะปนกับชาวบ้านที่เข้าไปซื้อหาสินค้า เพื่อหาโอกาสนำระเบิดไปวางและจุดชนวนดังกล่าว ประการสำคัญพฤติกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้ น่าจะเป็นกลุ่มที่เคยแฝงตัวนำระเบิดไปก่อเหตุในลักษณะนี้ที่ร้านซุ่ยฮั้วพาณิชย์นราธิวาส และร้านจินไถ่จูเนียร์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 54 ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 ราย บาดเจ็บ 8 ราย เพื่อต้องการทำลายเศรษฐกิจและความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้