ตร.มึน-เสี่ย5ศพพบธุรกิจไม่เจ๊ง

มีเงินเป็นร้อยล้านเร่งควานปมใหม่!


เริ่มอึมครึมแล้วคดีเสี่ยพันล้านฆ่าลูก-เมียและยิงตัวตาย 5 ศพคาคฤหาสน์หรูกลางกรุง พร้อมทิ้งจ.ม.ลาในลักษณะมีปัญหาทางธุรกิจ และเจ๊งหุ้น แถมโดนเจ้าหนี้ข่มขู่อีก น้องชายรุดให้การตร.ยันโรงงานพันล้านของพี่ชายไม่ถึงกับเจ๊ง แค่ซบเซาเท่านั้นตามปัญหาเศรษฐกิจของเมืองไทย ส่วนเงินกู้ 130 ล้านที่ยืมมาหมุนก็ยังไม่ได้ใช้ แค่เก็บเอาไว้รอขยายงานเท่านั้น ยังงงว่าทำไมถึงก่อเหตุ แต่ชี้พี่ชายเป็นคนคิดมาก บางครั้งเครียดจนไข้ขึ้นก็มี ด้านตร.เผยนายหน้าที่ในจ.ม.ระบุขู่อุ้มนั้นสอบพบไม่มีประวัติรุนแรง แต่อาจจะพูดเล่นเรื่องทวงเงิน จนเสี่ยเข้าใจผิดเลยเครียดจัด เร่งสืบหาสาเหตุฆ่าหมู่ให้ชัดที่สุดว่ามาจากเรื่องอะไรแน่

จากกรณีนายบุญชัย สุรวุฒิพงศ์ เสี่ยพันล้านเจ้าของโรงงานรับอัดเคมีภัณฑ์ในนิคมอุตสาหกรรม เวลโกรว์ ย่านบางปะกง ใช้อาวุธปืนฆ่าลูก-เมียก่อนยิงตัวตายรวม 5 ศพในคฤหาสน์หรูกลางกรุง เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยทิ้งจ.ม.ลาตายปัญหาเรื่องธุรกิจและถูกนายหน้าที่พาไปกู้เงินขู่อุ้มลูกเพราะไม่ยอมจ่ายค่านายหน้าจำนวน 5 ล้านบาท ตำรวจเชิญตัวนายหน้าคนดังกล่าวซึ่งเป็นอดีตนายแบงก์ และออกมาทำธุรกิจที่ปรึกษาด้านการเงินมาสอบปากคำยืนยันว่าไม่เคยข่มขู่แต่อย่างใด ในขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งนายบุญชัยไปกู้เงินมาเกือบ 1 พันล้านบาท ยืนยันว่าธุรกิจยังไม่ถึงกับเสียหาย และเงินกู้จำนวน 130 ล้านบาท ที่ยืมไปเป็นครั้งที่ 2 เพื่อขยายโรงงานก็ยังอยู่ครบ ขณะเดียวกับเพื่อนๆ ของน.ส.ณัฐนิช สุรวุฒิพงศ์ อายุ 18 ปี ลูกสาวคนโต ที่ถูกยิงเสียชีวิตร่วมเขียนไว้อาลัยในเว็บไซต์ที่น.ส.ณัฐนิช และเพื่อนๆ เปิดไว้ติดต่อกัน โดยลงภาพครอบครัวสมัยมีความสุขไว้ด้วยนั้น

"ยังสรุปไม่ได้แน่ชัด"


ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ก.พ. พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยถึงคดีนายบุญชัย เสี่ยพันล้านเจ้าของโรงงานรับอัดเคมีภัณฑ์ฆ่ายกครัวว่า ช่วงเช้าประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เนื่องจากการก่อเหตุสะเทือนขวัญ ชั้นนี้ยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ โดยทางพนักงานสอบสวนได้ติดต่อญาติๆ มาสอบปากคำถึงข้อความที่ปรากฏในจดหมายลาตายถึงเรื่องธุรกิจ ดังนั้น จะต้องหาเหตุอันจูงใจในการกระทำครั้งนี้ว่ามาจากเรื่องใด

พ.ต.อ.สุคุณกล่าวต่อว่า สำหรับที่มีคนมาให้ข้อมูลผ่านสื่อถึงผู้ตายมีเครดิตดีนั้น เรื่องนี้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำหนังสือเพื่อขอข้อมูลกับบุคคลดังกล่าวเพื่อนำมาประกอบสำนวนต่อไป ดังนั้น ผลการสอบสวนคดีนี้จะต้องใช้เวลา รวมทั้งจะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชและกองพิสูจน์หลักฐานที่จะออกมาว่าเป็นเรื่องอะไร โดยจะทราบภายในวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.นี้

พ.ต.ท.ปริญญา วงศ์กล้า สวส.สน.คลองตัน เจ้าของคดีกล่าวว่า วันนี้นัดกับนายกรกช สุรวุฒิพงศ์ น้องชายคนที่ 6 ของนายบุญชัยผู้ตาย เป็นเจ้าของบริษัท เพดเสิร์ฟ ที่ดำเนินธุรกิจแบบเดียวกับผู้ตายมาสอบปากคำแล้ว ผลการสอบนายกรกช ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่พี่ชายทำไป เพราะธุรกิจที่นายบุญชัยทำนั้นช่วงขณะนี้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงซบเซา แต่ก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากจนถึงขั้นต้องกู้เงินจำนวน 130 ล้านบาทมา เพียงแต่เงินจำนวนนี้พี่ชายคิดการไกล เพื่อนำมาใช้ในอนาคต เพราะเงินจำนวนดังกล่าวเท่าที่ได้ตรวจสอบพบว่ายังอยู่ครบ ส่วนการเล่นหุ้นจำนวนละมากๆ นั้นตนไม่ทราบ แต่หากเล่นเพียงเล็กๆ น้อยๆ นั้นพอมามีบ้าง

"ผู้ตายเป็นคนคิดมาก"


นายกรกชให้การอีกว่า สำหรับพี่สะใภ้เป็นเพียงแม่บ้านเท่านั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องการทำธุรกิจ จะมีหน้าที่ไปรับไปส่งลูกๆ กรณีมีนายหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องการกู้เงินตนพึ่งทราบเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะพี่ชายโทร.มาหาเหมือนจะเล่าเรื่องอะไรจากนายหน้าให้ฟัง แต่ช่วงนั้นตนติดธุระจึงผลัดวันไปกระทั่งพี่ชายมาก่อเหตุขึ้น ปกติพี่ชายเป็นคนคิดมากถึงขั้นมีไข้ขึ้น ส่วนลักษณะนิสัยพี่ชายเป็นคนที่ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้ และเป็นคนที่รักษาสุขภาพมาก

พ.ต.ท.ปริญญากล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรื่องเงินที่ผู้ตายเคยกู้มาแล้ว 800 ล้านบาท และมีการขอกู้เพิ่มอีก 130 ล้านบาทจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาลาดพร้าว 102 เงินตรงนี้จากที่ได้ตรวจสอบพบว่ายังไม่มีการใช้จ่ายแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายกรกช น้องนายนายบุญชัยที่ฆ่ายกครัว 5 ศพนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำไปแล้ว แต่พบว่าข้อมูลที่ได้ในวันนี้ยังไม่กระจ่างชัดเนื่องจากมีข้อมูลหลายๆ อย่างที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการเพิ่มจึงได้นัดให้นำข้อมูลบางอย่างมาให้ในวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.นี้อีกครั้ง

"อาจเครียดจนฆ่ายกครัว"


ด้านพล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5 เปิดเผยถึงกรณีนักธุรกิจก่อเหตุฆาตกรรมภายในครอบครัว รวม 5 ศพ สาเหตุมาจากเรื่องหนี้สิน ที่บ้านพักย่านพัฒนาการ พื้นที่สน.คลองตันว่า ตามที่เป็นข่าวว่ามีมาเฟียมาข่มขู่ผู้ตาย จนเกิดความเครียดและคิดสั้นก่อเหตุดังกล่าวกับภรรยาและลูกๆ นั้น ได้มีการเชิญตัวผู้ที่ถูกพาดพิงซึ่งประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวมาสอบสวนแล้ว พบว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่มีการเจรจาในเรื่องการช่วยพูดและประสานงานให้ผู้ตายกู้ธนาคารจนสำเร็จจำนวน 130 ล้านบาท และมีการพูดว่าจะขอแบ่งเปอร์เซ็นต์ที่ได้ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ หรือจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งก็มีการตกลงกัน แต่ก็ไม่ได้มีการให้เงินดังกล่าว และอาจเป็นการพูดเล่นในทำนองทวงถามว่า เมื่อไหร่จะให้เงินที่ได้ จึงเครียดว่าทำไมต้องเสียในส่วนนี้

ผบก.น.5 กล่าวอีกว่า ปกติผู้ก่อเหตุเป็นคนค่อนข้างเครียด เก็บกด อีกทั้งประกอบธุรกิจแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้เกิดความเครียดและเกรงว่าคนในครอบครัวอาจถูกข่มขู่ หรือทำร้าย จึงคิดสั้นก่อเหตุดังกล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์