ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านนางสมจิตร ที่จ.ขอนแก่น ไปถึงพบว่าบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงใต้ถุนโล่ง
ขณะนี้กำลังต่อเติมบ้านชั้นล่าง ซึ่งมีนางสมจิตรอยู่กับญาติ พร้อมเพื่อนบ้าน 4 – 5 คน ที่มาให้กำลังใจ และ นายทองเปลว ชะทา อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านห้วยไผ่ มาสอบถามกับนางสมจิตรเรื่องเหตุการณ์ที่มีวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายใช้เก้าอี้ฟาดจนหน้าแตกเย็บ 12 เข็ม
ด้านนางสมจิตรไม่ขอเปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งนี้หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ที่คาดว่าจะเป็นตำรวจหรือแพทย์โทร.มาสอบถามเหตุการณ์ นางสมจิตรบ่นว่าตอนนี้ปวดแผลมากพูดอะไรไม่ได้อยากพักผ่อน และไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วตอนนี้กลัวมากๆ
นางสมจิตรเลิกงานจากการทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัท บีซีเอส. จึงเดินทางกลับบ้านโดยเดินผ่านสยามเซ็นเตอร์ 4 แยกมาบุญครอง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมไทย รู้สึกว่ามีสิ่งของมาติดที่รองเท้าผ้าใบที่ตนสวมใส่มา ตนจึงสลัดเท้าสิ่งของดังกล่าวก็ไม่หลุด ตนจึงก้มลงดูพบว่าเป็นนาฬิกา ได้หยิบมาถือแล้วเดินต่อไปข้างหน้า ต่อมา มีชายวัยรุ่น 2 คนแต่งตัวคล้ายนักเรียนเดินตามหลังมา แล้วเข้ามาถามว่าเก็บนาฬิกาได้หรือป่าว ตอนแรกนางสมจิตรตอบไปว่าไม่ได้เอาไป เด็กทั้ง 2 คน จึงได้ไปเดินหาต่อแต่ก็ไม่พบ ได้ย้อนกลับมาถามซ้ำอีก จนนางสมจิตรบอกว่าเก็บได้ และกำลังจะคืนให้เด็กไป แต่เด็กทั้ง 2 คน ก็ได้ต่อว่านางสมจิตรด้วยวาจาหยาบคายและนางสมจิตรยกมือไหว้ ก่อนเด็กอีกคนใช้เก้าอี้ฟาดหน้าจนหน้าหงายแตก เกือบล้มทั้งยืน
ได้นำมาส่งที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งสภาพตอนนั้นเลือดอาบไปทั้งตัว มองอะไรไม่เห็น เพราะเลือดเข้าตา และนอนพักรักษาตัวอยู่ถึงวันที่ 19 พ.ค.จึงออกจาก รพ. พี่สาวและน้องสาวที่จังหวัดขอนแก่นทราบเรื่องจึงได้เดินทางมารับตัวกลับไปพักฟื้นที่ขอนแก่น
แต่ทางผู้ใหญ่บ้านบอกว่าได้รับการประสานงานกับตำรวจให้พาตัวนางสมจิตรไปสอบปากคำกับตำรวจที่สภ.ปทุมวันในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) แต่นางสมจิตรยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปให้ปากคำกับตำรวจหรือไม่ เพราะยังมีอาการบาดเจ็บอยู่และไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก
ถ้ารักษาอาการบาดเจ็บหายเป็นปกติจะเข้าไปแจ้งความยังสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ คือ ที่ สน.ปทุมวัน เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่คนบริสุทธิ์ต้องมาได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เดินเตะนาฬิกา ทั้งๆที่ไม่ได้ไปลักขโมยแต่อย่างใด และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นอีก