พบตัวนักเรียนโหดใช้เก้าอี้ฟาดป้าแม่บ้านแล้ว

จากกรณี เว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดัง ไลฟ์ลีก ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 30 วินาที

ที่อ้างว่า เป็นเหตุการณ์เด็กนักเรียนไทยใช้เก้าอี้ฟาดใส่หญิงสูงวัย ซึ่งเกิดขึ้นริมถนนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่บริเวณป้ายรถประจำทางหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาปทุมวัน ใกล้ปากเกษมสันต์ 3 ถนนพระราม 1 ในเขตท้องที่ สน.ปทุมวัน และทราบถึงตัวหญิงผู้เสียหายที่อยู่ในคลิป รวมถึงนักเรียนที่ก่อเหตุแล้ว

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 21.00 น.  วันที่ 24 ก.ค. 

ที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส.  พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นายเติ้ล (นามสมมุติ )  อายุ 17 ปี  นักเรียนชั้น ม.6  โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ผู้ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นางสมจิตร พลายเนาว์ อายุ 50 ปี พนักงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตามที่ปรากฏในคลิปวีดีโอดังกล่าว มาทำการสอบปากคำ

เบื้องต้น นายเติ้ล ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้เก้าอี้ฟาดนางสมจิตรตามคลิปที่ปรากฏจริง

โดยระบุว่าในวันเกิดเหตุได้ไปเที่ยวกับเพื่อน และได้มีเรื่องทะเลาะกับชาวอินเดีย ทำให้นาฬิกา ยี่ห้ออาร์มานี่ หล่นหาย เมื่อไปสอบถามร้านอาหารริมทางทราบว่า นางสมจิตรเป็นผู้เก็บนาฬิกาไว้  จึงออกตามหากระทั่งพบตัว เลยเข้าไปสอบถาม แต่อาจใช้คำพูดไม่ดี ทำให้นางสมจิตรเกิดระแวง และไม่ยอมรับว่าเป็นคนเอานาฬิกาไป  ด้วยความโมโหจึงลงมือค้นตัวนางสมจิตรและพบนาฬิกา จึงได้ต่อว่าไปด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่นางสมจิตรยังไม่ยอมรับ จึงได้ใช้เก้าอี้ฟาดไป 1 ครั้ง

ทั้งนี้จากการสอบประวัติพบว่า นายเติ้ลเป็นเด็กมีปัญหาครอบครัว  พ่อเสียชีวิตและไม่ได้อยู่กับแม่
 
โดยพักอาศัยอยู่กับน้า แต่ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ ส่วนนาฬิกาดังกล่าวพ่อเป็นผู้ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ราคาประมาณ 20,000 บาท นายเติ้ลจึงค่อนข้างรักมาก เพราะไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแล้ว หลังสอบปากคำเสร็จ จึงนำตัวนายเติ้ลส่งให้ทางพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน รับตัวไปสอบปากคำ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาเวลา 23.15 น. พ.ต.อ.วิวัฒน์ พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.ดส. ได้นำตัวนายเติ้ล ไปส่งที่ สน.ปทุมวัน
 
โดยมี พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผกก.สส.สน.ปทุมวัน และ ร.ต.อ.(หญิง)คะนึงนุช ทศไพลินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) รอรับตัว พ.ต.ท.พนม เปิดเผยว่า ขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะซักถามนักเรียนผู้ก่อเหตุ และผู้ปกครอง ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนจะถึงขั้นสาหัสหรือไม่ต้องรอหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน จากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 25 ก.ค.จะนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ทำการไต่สวน 2 ประเด็น คือพนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้โดยชอบหรือไม่ และพยานหลักฐานมีเพียงพอหรือไม่ หากศาลเห็นว่าสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้โดยชอบ ก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามปกติ คือส่งตัวไปยังสถานพินิจ จากนั้นพนักงานสอบสวนก็จะเดินทางไปสอบต่อหน้าสหวิชาชีพ ส่วนการยืนขอประกันตัวต้องให้ศาลพิจารณา.