เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่า
ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ทำร้ายแหม่ได้ทั้งหมด 2 รายแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนสามารถจับตัวนายสุรินทร์ คนขี่รถมอเตอร์ไซค์ ที่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และเมื่อช่วงเช้าทางชุดสืบสวนจาก บช.ภ.8 ตามไปจับกุมตัวนายสุรศักดิ์ ผู้ต้องหาที่นำมีดเข้าไปทำร้าย ได้ที่บนภูเขา บริเวณอ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยสามารถยึดเสื้อผ้าชุดเดียวกับวันที่ก่อเหตุ ซึ่งสามารถยืนยันได้จากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่าเคยถูกจับเรื่องเสพยาเสพติด ทั้งนี้ ตนจะลงไปสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และตรวจสอบปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภูเก็ต เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ดีสำหรับประเทศ ซึ่งชุดสืบสวนบช.ภ.8 และภูเก็ตสามารถจับกุมได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเรียกประชุมชุดสืบสวนที่บก.ภ.จว.ภูเก็ตต่อไป
เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ที่ห้องประชุมบก.ภ.ภูเก็ต พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ และคณะร่วมประชุมกับกลุ่มพนักงานสอบสวน โดยมีพล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผบช.ภาค 8 และพล.ต.ต.ชนสิษฎ์มาร่วมด้วย
พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผบก.ภูเก็ต เป็นผู้บรรยายสรุปเหตุการณ์ เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้สื่อข่าวท้องถิ่นภูเก็ตและส่วนกลาง
รวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนต่างประเทศ เข้าไปถ่ายภาพในห้องประชุมได้เพียงประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ในเวลาประมาณ 21.30 น. เฮลิคอปเตอร์กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาที่จังหวัดภูเก็ต และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดจะแถลงข่าวในเช้าวันที่ 26 มิ.ย. จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ถนนหาดกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง
รายงานข่าวแจ้งว่าแนวทางการสืบสวนสอบสวน ของกลุ่มพนักงานสอบสวนและชุดไล่ล่าติดตามคนร้ายที่เกิดขึ้น
หลังจากพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.มาร่วมประชุม และเร่งรัดติดตามคนร้ายก่อนหน้านี้ และพล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภาค 8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ และนายสมบัติ อติเศรษฐ์ เจ้าของโรงแรมกะตะธานี บีชรีสอร์ท ร่วมกันมอบเงินรวม 300,000 บาท เพื่อให้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตตั้งเป็นรางวัลนำจับคนร้าย ปรากฏว่ามีประชาชนแจ้งเบาะแสเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด มีพยานผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักคนร้ายรายแรกที่มีชื่อเล่นว่าจ้อยหรือนายสุรศักดิ์ เนื่องจากพยานพบเห็นครั้งสุดท้ายในคืนเกิดเหตุ วันที่ 20 มิ.ย.
ผู้ต้องหารายนี้ร่วมกับนายสุรินทร์ ไปใช้บริการดื่มเบียร์และรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ และภาพในระบบโทรทัศน์วงจรปิดที่บันทึกไว้ มีความชัดเจน ที่เห็นทั้งรูปร่างหน้าตาของคนร้ายทั้งคู่ การแต่งกาย เสื้อพับแขน สวมรองเท้าแตะ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ปรากฏในระบบโทรทัศน์วงจรปิด ที่สอดคล้องตรงกัน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพคนร้ายลงมือกระชากกระเป๋าและแทงผู้หญิงชาวออสเตรเลีย เป็นกลุ่มคนร้ายชุดเดียวกันแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาเมื่อพนักงานสอบสวนนำตัวพยานไปดูภาพในระบบทะเบียนราษฎร พยานยืนยันว่าเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนสามารถสืบค้นหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคนร้ายทั้ง 2 คนจนทราบความเคลื่อนไหวว่า ยังคงมีการติดต่อ หลังจากที่ออกจากจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. โดยนายสุรศักดิ์ต้องการจะเดินทางไปกบดานที่จ.นครปฐม แต่ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดชุมพร ส่วนนายสุรินทร์หรือรินทร์ต้องการจะไปหลบที่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร แต่เจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่จ.ราชบุรี
รายงานข่าวแจ้งว่า คนร้ายมีประวัติต้องคดีลักทรัพย์ และติดยาเสพติด จากการสอบสวนให้การรับสารภาพแล้วว่าก่อเหตุเพื่อจะชิงทรัพย์เหยื่อ
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่าการจับกุมคนร้ายทั้งสองคนในครั้งนี้ทุกอย่างชัดเจน โดยสามารถตรวจยึดเสื้อผ้าชุดเดียวกับวันที่คนร้ายสวมใส่ในวันก่อเหตุ รวมถึงมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์คือกล้องซีซีทีวีหน้าโรงแรมที่เกิดเหตุที่บันทึกภาพคนร้ายในขณะลงมือก่อเหตุได้ทุกขั้นตอน เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองได้ให้การรับสารภาพว่าเข้าไปนั่งดื่มเหล้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยมีพยานระบุว่าหลังจากรับประทานอาหารได้ติดค้างค่าอาหารและออกไปโดยบอกว่าจะไปหาเงินมาจ่าย รวมถึงมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน ที่ทางชุดสืบสวนมีหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้งคู่โดยหลักฐานที่ตำรวจยึดได้คือเสื้อผ้า ส่วนมีดของกลางอยู่ระหว่างค้นหาโดยคนร้ายอ้างว่าได้ทิ้งไปหลังก่อเหตุ ซึ่งพล.ต.อ.ปานศิริที่เดินทางลงมาภูเก็ตสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมแล้ว
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวว่า ตนรู้สึกพอใจกับการทำงานของตำรวจที่ทุ่มเทจนสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ในที่สุด
หลังจากนี้คงต้องประชุมหารือมาตรการในการป้องกันและดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นที่ภูเก็ต สมุย พัทยา รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลเป็นห่วง คือเรื่องแท็กซี่ป้ายดำและเจ็ตสกีที่บางอย่างทำให้ชาวต่างชาติถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งต้องมีมาตรการแก้ไขโดยความร่วมมือกับส่วนราชการอื่นด้วย
"เรื่องนี้รองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ปานศิริ และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาดูแล และคงต้องเรียกประชุมผู้ประกอบการด้วยเพื่อวางมาตรการที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในเรื่องการมาเที่ยวเมืองไทยแล้วไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ถูกรังแกจากแก๊งต่างๆ โดยจะดำเนินจากขั้นเบาสุดถึงขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้" ผบ.ตร.กล่าว