บิ๊กอ๊อบ ผล.ตร.รุดสอบ 2 มือมีดฆ่าแหม่มที่ภูเก็ต-พบคนร้ายมีประวัติติดยา

บิ๊กอ๊อบ ผล.ตร.รุดสอบ 2 มือมีดฆ่าแหม่มที่ภูเก็ต-พบคนร้ายมีประวัติติดยา

ตามรวบได้แล้ว 2 มือมีดทมิฬฆ่าแทง 2 แหม่มชาวออสซี่ดับ 1 สาหัส 1

ตร.บุกรวบตัวได้ขณะหนีไปกบดานที่ชุมพร อีกคนตะครุบตัวได้ที่บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" ผบ.ตร.บุกจี้คดีบินด่วนลงภูเก็ตอีกคน เค้นสอบพร้อมเปิดแถลงข่าวด้วยตัวเอง

จากคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต
 
2 โจรขี่จักรยานยนต์ร่วมกันชิงทรัพย์ ใช้มีดแทงตัดขั้วหัวใจฆ่าโหดนางสมิธ มิเชล เอลิซาเบธ อายุ 59 ปี ชาวออสเตรเลีย และฟันนางลิน แทมมี่ ลี เพื่อนชาวออสเตรเลีย วัย 42 ปี ได้รับบาดเจ็บเย็บ 24 เข็ม เหตุเกิดหน้าโรงแรมกะตะธานี บีช รีสอร์ท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. โดยพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ สั่งการคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วน มอบหมายพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. ลงไปควบคุมการสืบสวนที่จังหวัดภูเก็ตด้วยตนเอง ต่อมาตำรวจออกหมายจับคนร้ายทั้งสองรายแล้ว และตั้งค่าหัว 3 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวมาตามลำดับ

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. พล.ต.ต.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยว่า

ล่าสุดเจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาก่อคดีใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์และฆ่านักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ได้ทั้ง 2 คนแล้ว ประกอบด้วย นายสุรินทร์ ทัศทอง อายุ 37 ปี คนขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ถูกจับกุมตัวในพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 24 มิ.ย. ส่วนนายสุรศักดิ์ หรือบอย สุวรรณโชติ มือมีด อายุ 26 ปีนั้น จับกุมได้ในจ.ชุมพร 

"ผู้ต้องหาทั้งคู่อยู่ระหว่างควบคุมตัวมายังบก.ภ.จว.ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดี ส่วนเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมงานเอกสารว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง รวมถึงพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. จะลงพื้นที่มาคุมคดีนี้ด้วยตัวเอง ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้จะแถลงข่าวผลจับกุมเป็นทางการอีกครั้ง" พล.ต.ต.ชนสิษฏ์กล่าว 

สำหรับเบื้องหลังการตามล่าล็อกตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
 
หลังจากตำรวจได้ข้อมูลของคนร้ายที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ชุดสืบสวนจึงแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกเดินทางไปตรวจสอบบ้านของนายสุรศักดิ์ คนร้ายที่ชักมีดแทงนางเอลิซาเบธ ที่อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช แต่พบว่าหลบหนีไปกบดานในจ.ชุมพร กระทั่งตามรวบตัวได้สำเร็จ ส่วนชุดที่สองติดตามไปจับกุมตัวนายสุรินทร์ขณะกบดานอยู่ที่บ้านเกิดใน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จากนั้นจึงนำส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ภูเก็ต

บิ๊กอ๊อบ ผล.ตร.รุดสอบ 2 มือมีดฆ่าแหม่มที่ภูเก็ต-พบคนร้ายมีประวัติติดยา

เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่า
 
ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ทำร้ายแหม่ได้ทั้งหมด 2 รายแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนสามารถจับตัวนายสุรินทร์ คนขี่รถมอเตอร์ไซค์ ที่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และเมื่อช่วงเช้าทางชุดสืบสวนจาก บช.ภ.8 ตามไปจับกุมตัวนายสุรศักดิ์ ผู้ต้องหาที่นำมีดเข้าไปทำร้าย ได้ที่บนภูเขา บริเวณอ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยสามารถยึดเสื้อผ้าชุดเดียวกับวันที่ก่อเหตุ ซึ่งสามารถยืนยันได้จากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่าเคยถูกจับเรื่องเสพยาเสพติด ทั้งนี้ ตนจะลงไปสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และตรวจสอบปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภูเก็ต เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ดีสำหรับประเทศ ซึ่งชุดสืบสวนบช.ภ.8 และภูเก็ตสามารถจับกุมได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเรียกประชุมชุดสืบสวนที่บก.ภ.จว.ภูเก็ตต่อไป

เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ที่ห้องประชุมบก.ภ.ภูเก็ต พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ และคณะร่วมประชุมกับกลุ่มพนักงานสอบสวน โดยมีพล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผบช.ภาค 8 และพล.ต.ต.ชนสิษฎ์มาร่วมด้วย 

พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผบก.ภูเก็ต เป็นผู้บรรยายสรุปเหตุการณ์ เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้สื่อข่าวท้องถิ่นภูเก็ตและส่วนกลาง
 
รวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนต่างประเทศ เข้าไปถ่ายภาพในห้องประชุมได้เพียงประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ในเวลาประมาณ 21.30 น. เฮลิคอปเตอร์กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาที่จังหวัดภูเก็ต และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดจะแถลงข่าวในเช้าวันที่ 26 มิ.ย. จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ถนนหาดกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง 

รายงานข่าวแจ้งว่าแนวทางการสืบสวนสอบสวน ของกลุ่มพนักงานสอบสวนและชุดไล่ล่าติดตามคนร้ายที่เกิดขึ้น

หลังจากพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.มาร่วมประชุม และเร่งรัดติดตามคนร้ายก่อนหน้านี้ และพล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภาค 8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ และนายสมบัติ อติเศรษฐ์ เจ้าของโรงแรมกะตะธานี บีชรีสอร์ท ร่วมกันมอบเงินรวม 300,000 บาท เพื่อให้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตตั้งเป็นรางวัลนำจับคนร้าย ปรากฏว่ามีประชาชนแจ้งเบาะแสเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด มีพยานผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักคนร้ายรายแรกที่มีชื่อเล่นว่าจ้อยหรือนายสุรศักดิ์ เนื่องจากพยานพบเห็นครั้งสุดท้ายในคืนเกิดเหตุ วันที่ 20 มิ.ย.
 
ผู้ต้องหารายนี้ร่วมกับนายสุรินทร์ ไปใช้บริการดื่มเบียร์และรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ และภาพในระบบโทรทัศน์วงจรปิดที่บันทึกไว้ มีความชัดเจน ที่เห็นทั้งรูปร่างหน้าตาของคนร้ายทั้งคู่ การแต่งกาย เสื้อพับแขน สวมรองเท้าแตะ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ปรากฏในระบบโทรทัศน์วงจรปิด ที่สอดคล้องตรงกัน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพคนร้ายลงมือกระชากกระเป๋าและแทงผู้หญิงชาวออสเตรเลีย เป็นกลุ่มคนร้ายชุดเดียวกันแน่นอน

รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาเมื่อพนักงานสอบสวนนำตัวพยานไปดูภาพในระบบทะเบียนราษฎร พยานยืนยันว่าเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนสามารถสืบค้นหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคนร้ายทั้ง 2 คนจนทราบความเคลื่อนไหวว่า ยังคงมีการติดต่อ หลังจากที่ออกจากจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. โดยนายสุรศักดิ์ต้องการจะเดินทางไปกบดานที่จ.นครปฐม แต่ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดชุมพร ส่วนนายสุรินทร์หรือรินทร์ต้องการจะไปหลบที่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร แต่เจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่จ.ราชบุรี 

รายงานข่าวแจ้งว่า คนร้ายมีประวัติต้องคดีลักทรัพย์ และติดยาเสพติด จากการสอบสวนให้การรับสารภาพแล้วว่าก่อเหตุเพื่อจะชิงทรัพย์เหยื่อ

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่าการจับกุมคนร้ายทั้งสองคนในครั้งนี้ทุกอย่างชัดเจน โดยสามารถตรวจยึดเสื้อผ้าชุดเดียวกับวันที่คนร้ายสวมใส่ในวันก่อเหตุ รวมถึงมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์คือกล้องซีซีทีวีหน้าโรงแรมที่เกิดเหตุที่บันทึกภาพคนร้ายในขณะลงมือก่อเหตุได้ทุกขั้นตอน เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองได้ให้การรับสารภาพว่าเข้าไปนั่งดื่มเหล้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยมีพยานระบุว่าหลังจากรับประทานอาหารได้ติดค้างค่าอาหารและออกไปโดยบอกว่าจะไปหาเงินมาจ่าย รวมถึงมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน ที่ทางชุดสืบสวนมีหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้งคู่โดยหลักฐานที่ตำรวจยึดได้คือเสื้อผ้า ส่วนมีดของกลางอยู่ระหว่างค้นหาโดยคนร้ายอ้างว่าได้ทิ้งไปหลังก่อเหตุ ซึ่งพล.ต.อ.ปานศิริที่เดินทางลงมาภูเก็ตสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมแล้ว 

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวว่า ตนรู้สึกพอใจกับการทำงานของตำรวจที่ทุ่มเทจนสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ในที่สุด
 
หลังจากนี้คงต้องประชุมหารือมาตรการในการป้องกันและดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นที่ภูเก็ต สมุย พัทยา รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลเป็นห่วง คือเรื่องแท็กซี่ป้ายดำและเจ็ตสกีที่บางอย่างทำให้ชาวต่างชาติถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งต้องมีมาตรการแก้ไขโดยความร่วมมือกับส่วนราชการอื่นด้วย

"เรื่องนี้รองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ปานศิริ และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาดูแล และคงต้องเรียกประชุมผู้ประกอบการด้วยเพื่อวางมาตรการที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในเรื่องการมาเที่ยวเมืองไทยแล้วไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ถูกรังแกจากแก๊งต่างๆ โดยจะดำเนินจากขั้นเบาสุดถึงขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้" ผบ.ตร.กล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์