วานนี้( 14 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ
พร้อมด้วย พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 2 คนในคดีทุจริตเบิกจ่ายยาแก้หวัดสูตรที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ออกจากระบบของโรงพยาบาลของรัฐและการจำหน่ายยาดังกล่าวโดยมิชอบของสถานจำหน่ายยาเอกชน เพื่อนำไปสกัดเป็นสารตั้งต้นเพื่อผลิตเป็นยาเสพติด คือ นางนรมน หรือนรมล มูลสวัสดิ์ หรือตุ่ม และนายพิเชษฐ์ เชื้อทอง ซึ่งทั้งสองคนถือเป็นตัวการใหญ่ที่ทำหน้าที่รวบรวมยาที่ลักลอบออกจากรพ.แถบภาคอีสานไปส่งให้กลุ่มผู้ค้าที่อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ก่อนนำไปส่งผลิตเป็นยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้าน เบื้องต้นดีเอสไอในส่วนนางนรมน ถูกจับกุมในข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยสามารถจับกุมได้ที่อภิญญาคอร์ท สถานีรถไฟ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ส่วนนายพิเชษฐ์ ถูกจับกุมข้อหาขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ยา 2510 จับกุมได้ที่โรงแรมสปอร์ตอินท์ ต.ป่าก่อ อ.เมือง จ. เชียงราย
นายธาริต กล่าวว่า เมื่อเวลา 09.00น. ของวันนี้(14มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยพร้อมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย
ซึ่งถือเป็นตัวการใหญ่สุดของขบวนการลักลอบนำยาออกจากระบบรพ. โดยในสัปดาห์หน้าดีเอสไอเตรียมออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 4 ราย สำหรับการจับกุมดังกล่าวดีเอสไอได้สะกดรอยความเคลื่อนไหวจากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ ซึ่งผู้ต้องหาเปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์ทุกวัน สำหรับการจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ขอรอการสอบปากคำก่อนจึงพิจารณาความเหมาะสมต่อไป ส่วนกาลักลอบนำเข้าซูโดอีเฟดรีนจากประเทศเกาหลีและไต้หวัน การสอบสวนมีความคืบหน้าและสามารถทราบชื่อบริษัทยาในต่างประเทศที่เป็นผู้ส่งยาและเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ปล่อยสินค้าเอกสารการสำแดงเท็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานข้อมูลกับทางการไต้หวันและเกาหลีเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีการชำระเงินค่ายากันด้วยวิธีใด
นายธาริต กล่าวอีกว่า ดีเอสไอตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบยำเข้าจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
โดยในรอบ 4 ปี พบมีการนำเข้าจากต่างประเทศมากถึง 41 ครั้ง โดยเป็นการนำเข้าผ่านทางสุวรรณภูมิ 21 ครั้ง โดยซูโดอีเฟดรีนที่นำเข้าจากต่างประเทศนำไปผลิตเป็นยาเสพติดมากถึง 83 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 17 เปอร์เซ็นต์เป็นลักลอบออกจากระบบรพ.
ด้านพ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวว่า บุคคลทั้ง 2รู้จักกันเพราะเป็นเซลขายน้ำเกลือที่อยู่คนละบริษัทมาก่อน
ส่วนพฤติกรรมของบุคคลทั้ง 2 ทำหน้าที่เป็นตัวการรวมรวบ ซึ่งดีเอสไอจะสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงตัวบุคคลที่รับยาต่อก้อนนำไปส่งให้ผู้ผลิตที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยผู้ที่ทำหน้าที่รวบรวมยาพบว่ามีผู้เกี่ยวข้อง 2 ชุด ส่วนวิธีการส่งจะมีทั้งการส่งยาที่แกะออกจากซองแล้วไปทางไปรษณีย์ในกรณีที่ยาจำนวนน้อย แต่หากส่งยาจำนวนมากจะมีการนำไปส่งด้วยตนเองแล้วมีคนมารับบริเวณแนวตะเข็บชายแดน
ทั้งนี้ในการแถลงข่าวพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหามาร่วมแถลงข่าวด้วย โดยนายพิเชษฐ์ กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่าหากรู้ว่าการนำยาออกไปเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายก็จะไม่ทำ แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายได้และผู้ที่รับยาปลายทาง