จากกรณีผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ Wong Cartoon ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของน.ส.โชติกา ประสารโสภณ อายุ 22ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์มินิคูเปอร์ ล้อแม็กซ์สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน 4721 พุ่งชน ขณะที่ตนเองพร้อมเพื่อนอีก 3 คนลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จากเหตุรถชนกันบนสะพานพระราม 9 เมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา จนกลายเป็นประเด็นดังในสังคมออนไลน์ ล่าสุดทางตำรวจได้พยายามหาเบาะแสจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่รถยนต์คันนี้ขับผ่านไป และตรวจสอบไปยังศูนย์นำเข้ารถยนต์มินิคูเปอร์แล้ว แต่การตรวจสอบเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะกล้องวงจรปิดตามทางด่วนอยู่ในมุมสูงไม่สามารถจับป้ายทะเบียนรถได้ อีกทั้งป้ายทะเบียนเป็นป้ายแดงซึ่งอาจเป็นเพียงป้ายสวมทะเบียนเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้บาดเจ็บยังไม่ได้สติ สมองถูกกระทบกระเทือน ขาหัก มีเลือดออกในช่องท้อง พักรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 28 พ.ค.
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายชลวิทย์ หิรัญชัชวาลย์ ผู้ขับรถมินิคูเปอร์ และนางหงส์ แซ่ลี้ เจ้าของรถมินิคันดังกล่าว ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพล โกมินทรชาติ รองผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2.บก.จร และพ.ต.ท..กันตภณ สินธวาชีวะ พงส.สบ.3 สน.ทางด่วน1 เพื่อนำหลักฐานใบรับมอบอำนาจจากนางหงส์ แซ่ลี้ เจ้าของรถมินิคูเปอร์คันเกิดเหตุมาแสดงเพื่อแต่งตั้งทนายความและเลื่อนการเข้าให้ปากคำของนายชลวิทย์ และนางหงส์
นายเกิดผล กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุนายชลวิทย์ได้ขับรถไปบ้านเพื่อนเพื่อดูฟุตบอล
ขากลับผ่านเส้นทางดังกล่าวด้วยความเร็วมาทางช่องทางซ้ายสุด เมื่อเห็นรถทั้งสองคันจอดอยู่ทางซ้ายก็ตกใจ จึงหักหลบไปทางขวา เจอกลุ่มผู้บาดเจ็บ แต่ไม่สามารถเบรกทัน ทำให้พุ่งชนเข้าอย่างจัง หลังเกิดเหตุนายชลวิทย์ตกใจมาก จึงรีบขับรถออกไปทันที โดยไม่ได้ลงไปช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามเมื่อกลับไปถึงบ้านนายชลวิทย์ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ให้ทางบ้านฟังว่า จนกระทั้งเป็นข่าวครึกโครม จึงได้สารภาพกับนางหงส์ ผู้เป็นย่าว่า เป็นคนก่อเหตุเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทนายความ กล่าวอีกว่า หลังจากทราบเรื่องนางหงส์ ได้มอบหมายให้ตนเป็นทนายความไปดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมกับเข้าเยี่ยมคนเจ็บ
และอยู่ระหว่างเจรจาให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ขณะที่นางหงส์และนายชลวิทย์ขณะนี้พักอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่พร้อมเข้าให้ปากคำ แต่ทั้งสองยืนยันจะมาพบพนักงานสอบสวนอย่างแน่นอน
พ.ต.ท.ณัฐพล. กล่าวว่า เบื้องต้นจะนำหลักฐานที่ทางทนายมอบให้ใช้ประกอบสำนวนการสอบสวน ก่อนจะออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง
เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งคู่ไม่ได้มีเจตนาหลบหนี โดยหลังจากนี้จะสอบปากคำพยานที่เห็นและอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง แต่เบื้องต้นต้องแจ้งข้อหา ขับรถชนโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสและหลบหนี มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พัน หรือทั้งจำทั้งปรับ