เรื่องสลดดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อช่วงบ่าย วันนี้ (27 พ.ค.) ที่โรงเรียนปวีณาหงสกุลการบริบาล ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 75 แขวงออเงิน เขตสายไหม
นายวรยุทธ์ ถาวรพร อายุ 40 ปี อาชีพ ขี่จยย.รับจ้างพร้อมนางสาวผุสชา แย้มศรี อายุ 24 ปีอาชีพแม่บ้าน สองสามีภรรยาเข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้ความเป็นธรรม หลังจากที่ภรรยาซึ่งตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนเศษเข้าตรวจครรภ์ตามปรกติที่ รพ.แห่งหนึ่ง แต่แพทย์ให้ยาเร่งคลอด และไม่มีออกซิเจนทำให้ลูกชายที่เพิ่งคลอดได้เพียง 14 ชั่วโมงต้องเสียชีวิต พร้อมหลักฐานประวัติการรักษา บันทึกประจำวัน หนังสือรับรองการตายของเด็กชายทิวากร ถาวรพร ที่ระบุสาเหตุการตายเนื่องจากหัวใจล้มเหลว มายืนยันด้วย
นายวรยุทธ์ กล่าวว่า หลังจากที่ภรรยาได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรกได้พาภรรยาไปฝากครรภ์ที่ รพ.ชื่อดังแห่งหนึ่ง
โดยใช้สิทธ์บัตรประกันสุขภาพทั่วหน้า ต่อมาวันที่ 9 พ.ค.ทาง รพ. แจ้งว่าภรรยาตนน่าจะคลอดก่อนกำหนดเด็กจะตัวเล็ก และน้ำหนักน้อย ควรต้องอยู่ตู้อบ แต่เนื่องจาก รพ.มีคนไข้จำนวนมาก เกรงว่าตู้อบจะไม่เพียงพอจึงต้องส่งตัวไปที่ รพ.เอกชน แห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เมื่อไปพบแพทย์ที่ รพ.เอกชนดังกล่าว ก็ได้พบแพทย์ และนัดพบอย่างต่อเนื่อง จนภรรยาคลอดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ทั้งที่เพิ่งจะอยู่ในท้องได้แค่ 7 เดือน พอคลอดออกมาก็ไม่มีตู้อบอีก ทำให้ลูกตนต้องขาดอากาศเสียชีวิต
ด้านนางสาวผุสชา คุณแม่ที่เพิ่งเสียลูกไปกล่าวทั้งน้ำตาว่า ล่าสุดมีอาการปวดท้องจึงไปพบแพทย์เมื่อวันที่ 19 พ.ค.
หมอได้ใช้มือล้วงเข้าไปในช่องคลอดจนมีเลือดออกและบอกว่าเด็กจะคลอดแล้วทั้งๆที่ท้องได้เพียง 7 เดือน จากนั้นก็นอนพักที่ รพ.จนช่วงเย็นได้เข้าห้องคลอด ได้คลอดลูกชายออกมาตามธรรมชาติมีน้ำหนักเพียง 1.9 กก.หมอบอกว่าเด็กแข็งแรงดี หลังจากที่กลับมาห้องพักฟื้นพยาบาลได้พาลูกที่ใส่หน้ากากมี
สายออกซิเจน ใส่รถเข็นและมีถังออกซิเจนอยู่ด้วย
สังเกตเห็นว่าลูกสะอึกอยู่ตลอดเวลา พยาบาลยังบอกอีกว่าถ้าเอาลูกออกมาให้นม ต้องปิดวาวล์ถังออกซิเจนด้วยเพราะใกล้จะหมด เมื่อสอบถามหมอที่ทำคลอดว่า จะต้องนำเด็กเข้าตู้อบหรือไม่ ก็บ่ายเบี่ยงที่จะไม่ตอบบอกว่าต้องไปถามหมอสูตินรีเวช แต่พอถามมากๆ หมอก็บอกว่าต้องไปดูก่อนว่าตู้อบเสียหรือไม่พอ
"ตนให้นมลูกครั้งสุดท้ายตอนเที่ยงคืน แล้วก็เปิดออกซิเจนไว้เหมือนเดิม จนกระทั่งใกล้เช้าก็มองดูลูกเห็นว่าที่แขนมีรอยเขียวช้ำ จึงร้องเรียกพยาบาลให้มาดู ปรากฏว่าลูกอาการแย่แล้ว เมื่อหมอมาดูก็รีบสั่งให้พยาบาลไปหาออกซิเจนมาเปลี่ยน แทนถังเก่า แต่ทั้งรพ.กลับไม่มีออกซิเจนเลย จนต้องวิ่งหากันโกลาหล จนลูกหยุดหายใจ หมอกับพยาบาลก็ช่วยปั๊มกันหัวใจขึ้นมาได้ แต่ก็ยังหาออกซิเจนไม่ได้อีก สักพักลูกตนก็หยุดหายใจอีกครั้ง และพยายามปั๊มหัวใจเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นแล้ว หมอได้มาบอกให้พ่อกับแม่ทำใจ และย้ายตนจากห้องธรรมดาไปอยู่ห้องพิเศษ เท่ากับว่าตนเป็นแม่ได้เพียง 14 ชม.เท่านั้น โดยพยายามจะถามซักว่าต้องการให้ทางรพ.ช่วยอะไรบ้าง ซึ่งตนกับสามีเสียใจมากที่ต้องสูญเสียลูกคนแรก และยังทำใจไม่ได้ ที่ข้องใจคือ ทำไม รพ.แห่งแรก ต้องส่งตนมาที่นี่ด้วย จนสุดท้ายทำให้ลูกต้องมาตาย อยากให้นางปวีณาช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายและไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก" แม่ผู้สูญเสีย กล่าว
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจแทนพ่อแม่เด็ก ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้น จะต้องตรวจสอบหาสาเหตุการตายว่ามาจากอะไร
สงสัยว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนดเพียงแค่ 7 เดือน จะต้องเข้าตู้อบอยากทราบว่า รพ.ดังกล่าวนี้มีตู้อบหรือไม่ และการขาดออกซิเจนใช่สาเหตุของการตายที่แท้จริงหรืออย่างไร เบื้องต้นได้โทรศัพท์ ไปประสานงานกับ นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และว่าที่ รต.ธรกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาธิการที่ปรึกษารมว.สาธารณสุขแล้วว่า ในวันพรุ่งนี้จะพาพ่อและแม่เด็กไปพบเพื่อเรียกร้องสิทธิ.