อธิบดีอัยการคดีพิเศษรอ ปปช.ส่งสำนวนฟัน'สุพจน์'อดีตปลัดคมนาคมร่ำรวยผิดปกติ พิจารณาจ่อฟ้องทั้งคดีแพ่งริบทรัพย์ กว่า 17 ล้านตกเป็นของแผ่นดิน - คดีอาญา
25 พ.ค.55 นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ชี้มูลความผิด นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สิน เป็นเงินสด จำนวน 17,553,000 บาท และทองรูปพรรณหนัก 10 บาท เพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ว่า ตามขั้นตอน ปปช.ต้องส่งสำนวนพยานหลักฐานพร้อมความเห็นเสนอต่อ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ผ่านสำนักงานคดีพิเศษ แต่ตนยังไม่ทราบว่า ปปช.จะส่งสำนวนให้เมื่อใด อย่างไรก็ดีคงไม่ต้องมีการตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่ติดตามจากข่าวคดีนี้ไม่มีความสลับซับซ้อน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ส่วนขั้นตอนการฟ้องดำเนินคดีร่ำรวยผิดปกติ นั้น นายวินัย กล่าวว่า จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือคดีแพ่งเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดิน โดยนายสุพจน์ เป็นข้าราชการระดับสูง ไม่ใช่นักการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่อัยการจะยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง แต่จะเป็นศาลแพ่งใดก็ขึ้นอยู่กับภูมิลำเนาที่เกิดเหตุ โดยคดีแพ่งนี้ นายสุพจน์มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ ที่มาของทรัพย์สินว่าได้มาจากที่ใด อย่างไร หากไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินนั้นว่าได้มาโดยสุจริตศาลก็จะมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
ส่วนที่ 2 คดีคือการดำเนินคดีอาญา ซึ่งต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานสำนวนการสอบสวนและความเห็นของ ปปช.ว่า การที่ นายสุพจน์ ร่ำรวยผิดปกตินั้นมาจากการกระทำผิดหรือทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินจากผู้อื่น เพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่นหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากมีพยานหลักฐานพอฟังได้ว่านายสุพจน์น่าจะกระทำการทุจริต ก็จะต้องมีความผิดทางอาญา แต่ยังไม่ทราบว่าในสำนวนที่ป.ป.ช.จะส่งมาให้อัยการจะมีการกล่าวหานายสุพจน์เรื่องทุจริตด้วยหรือไม่