ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (11 พ.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาคดียาเสพติด ที่พนักงานอัยการจังหวัดเชียงรายเป็นโจทก์ฟ้องนายทาง คิม ซัน หรือเอ็ดดี้ อายุ 41 ปี ชาวสิงคโปร์ ,น.ส.ทัตจิรา จำปากลาย อายุ 39 ปื ชาว กทม. และ น.ส.อนงค์ ยังไว อายุ 49 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ร่วมกันเป็นเลยที่ 1- 3 ตามลำดับ ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ หรือยาไอซ์ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 47 ระบุความผิดสรุปว่าเมื่อวันที่ 5 พ.ย.46 ร.ต.ท.จักรพงษ์ วงศ์ชัย กับพวก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีชายหญิงรวม 3 คน ลักลอบนำยาเสพติดเดินทางผ่านด่านตรวจแม่จัน จึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ กระทั่งมีรถยนต์ตู้ทะเบียน นก 1961 สุรินทร์ มาถึงด่านตรวจโดยมีจำเลยทั้งสามโดยสารมา เมื่อตรวจสอบขวดแชมพูสระผมหลายยี่ห้อในกระเป๋าเสื้อผ้าของจำเลยทั้งสามรวม 7 ขวด พบยาไอซ์บริสุทธิ์ 7 ถุง หนัก 1,389 กรัมซุกซ่อนอยู่ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีจำเลยที่ 1,2 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธอ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น
คดีนี้ศาลจังหวัดเชียงราย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม(2) ,66 วรรคสาม 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33 และ 83 พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม โดยลดโทษให้จำเลยที่ 1,2 กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 คงประหารชีวิต ริบของกลาง จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน น.ส.อนงค์ จำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาเพียงคนเดียว
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่าการที่ จำเลยที่ 3โดยสารมากับรถตู้พร้อมจำเลยที่ 1,2 ทั้งยังมีการแบ่งขวดแชมพูบรรจุยาไอซ์ในกระเป๋าเสื้อผ้าแต่ละคน ลักษณะแบ่งงานกันทำ เพื่อสะดวกในการกระทำผิดย่อมรู้เห็นเหตุการณ์ หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับแจ้งจากสายลับก่อน ก็ยากที่จะตรวจพบของกลาง ซึ่งซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิดเหนือความคาดหมาย เชื่อว่าจำเลยที่ 3 ย่อมมีส่วนร่วมรู้เห็น ข้อต่อสู้ของที่ 3 มีข้อพิรุธ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาวันนี้นั้น เนื่องจากน.ส.อนงค์ ยังไว จำเลยที 3 ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน จึงต้องส่งสำนวนคดีมาอ่านที่ศาลอาญาดังกล่าว.