โจรใจเด็ด บุกเดี่ยวจี้ร้านทองกลางเมืองภูเก็ต

คนร้ายบุกเดี่ยวจี้ร้านทอง จ.ภูเก็ต


กวาดทองคำหนัก 107 บาทมูลค่ากว่าล้านบาทหนีลอยนวลกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ แต่ไม่เห็นใบหน้าคนร้าย เหตุสวมหมวกกันน็อกปิดบัง


เหตุคนร้ายสวมหมวกกันน็อกบุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองภูเก็ต เปิด


เผยขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 27 มกราคม ร.ต.ต.สมชาย หนูบุญ ร้อยเวร สภ.อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งจากร้านทองโรจน์ เลขที่ 55 / 709 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ม.1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า มีคนร้ายบุกเข้ามาขโมยทองคำภายในร้าน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

จากนั้นเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย

พ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.สมปอง บุญรัตน์ รอง ผกก.สภ.อ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ต.พงษ์นรินทร์ สุทิน สวป.สภ.อ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ต.เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ สว.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่สายตรวจตำบลวิชิต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการเขต 44 ภูเก็ต

ภาพขณะคนร้ายบุกเดี่ยวจี้ร้านทองกลางเมืองภูเก็ต





ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น


ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของหมู่บ้านวิลล่าดาวรุ่ง ตรงข้ามโรงเรียนดาวรุ่งวิทยา ภายในร้านพบพนักงานหญิงจำนวน 4 คน ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าแตกตื่น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าบริเวณตู้โชว์สินค้าที่ติดฝาผนัง ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 12 ช่อง ถูกคนร้ายกวาดทองคำรูปพรรณไปจำนวน 7 ช่อง ส่วนอีก 5 ช่องไม่มีการรื้อค้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ที่บริเวณพื้นเจ้าหน้าที่พบสร้อยคอทองคำตกอยู่จำนวนหนึ่ง

ส่วนทองคำรูปพรรณที่คนร้ายปล้นเอาไป ประกอบด้วย


สร้อยคอหนัก 3 บาท จำนวน 4 เส้น

หนัก 2 บาท จำนวน 8 เส้น

หนัก 1 บาท จำนวน 43 เส้น

หนัก 2 สลึง จำนวน 24 เส้น

สร้อยข้อมือหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น

หนัก 2 บาท จำนวน 4 เส้น และ

หนัก 1 บาท จำนวน 13 เส้น

รวมน้ำหนักทั้งหมด 107 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทเศษ

ทั้งนี้ทางร้านได้มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไว้จำนวน 4 จุด


ภายในร้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอดูภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุ แต่ปรากฎว่าไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของคนร้ายได้ เนื่องจากคนร้ายได้สวมหมวกกันน็อกชนิดเต็มใบปกปิดใบหน้า จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

พร้อมกับวิทยุให้ตำรวจสายตรวจออกสหัดและติดตามคนร้ายตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี ในขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการเขต 44 ภูเก็ต ก็ได้เข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุที่คนร้ายทิ้งเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานประกอบคดีต่อไป

สอบถามนางสาวสุธาทิพย์ เจดีย์พราหมณ์ อายุ 28 ปี พนักงานภายในร้าน


ทราบว่า หลังจากเปิดร้านในเวลา 09.00 น.ทางพนักงานก็ได้ช่วยกันนำทองรูปพรรณมาประดับตามแผงต่าง ๆ จากนั้นก็ได้มีชายวัยกลางคน รูปร่างผอมบาง สวมเสื้อยีนส์แขนยาวสีฟ้า สวมกางเกงลายพรางทหารสีเขียว สวมหมวกกันน็อกชนิดเต็มใบ สวมถุงมือสีดำ ผมยาวถึงเอว คาดว่าน่าจะเป็นผมปลอม สะพายกระเป๋า ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ100 สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดที่หน้าร้านโดยที่ไม่ได้ดับเครื่องยนต์


จากนั้นได้ผลักประตูเดินเข้ามาภายในร้าน


พร้อมกับชักอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดออกมาจากกระเป๋าสะพาย จี้บังคับให้พนักงานอยู่ในความสงบอย่าส่งเสียงดังโวยวายและห้ามกดสัญญาณเตือนภัยเด็ดขาด จากนั้นคนร้ายก็ได้เดินเข้ามาที่ตู้ดังกล่าวและใช้มือเปิดตู้กวาดทองรูปพรรณจำนวนมากใส่กระเป๋าสะพาย

โดยที่อาวุธปืนยังคงส่ายไปมาไปที่ตัวพนักงานทุกคน

ขณะเดียวกันยังใช้อาวุธปืนจี้ให้พนักงานช่วยหยิบทองรูปพรรณใส่ในกระเป๋าให้ด้วย ซึ่งคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 3 นาที จากนั้นได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่สตาร์ทเครื่องไว้ขี่หลบหนีเข้าไปภายในหมู่บ้านเจ้าฟ้าอย่างรวดเร็ว

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด


ทางตำรวจคาดว่า คนร้ายน่าจะวางแผนมาอย่างดี และเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายรายเดียวกันที่เคยก่อเหตุกับร้านทองแห่งหนึ่งในภูเก็ต เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เนื่องจากคนร้ายได้มีการปลอมตัว

ก่อนที่จะเข้าปล้นเพื่ออำพรางตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือทรงผม โดยเฉพาะผมยาวถึงเอว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นผมปลอมที่คนร้ายนำมาสวมทับเพื่อไม่ให้เห็นรูปพรรณสัณฐานของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ส่งชุดสืบสวนออกติดตามหาเบาะแสคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์